วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รักนาย เจ้าชายปีศาจของฉัน(Yaoi) ตอนที่7: วันงาน


ตอนที่7: วันงาน

เมื่อวานกว่ามาสะจะได้ถอดชุดน่าอาย?นั้นออกก็เป็นตอนที่ไอโด้ซึ่งเป็นคนเดียวที่ตั้งใจฟังว่ามาสะพูดอะไร เดินไปถามนั่นแหละ


วันนี้เป็นวันครบรอบการสถาปนาโรงเรียน ซึ่งจะมีกิจกรรมมากมายถูกจัดขึ้น ซึ่งรวมถึงการประกวดPrince& Princess ที่มาสะต้องเข้าร่วมด้วย

การประกวดจะมีขึ้นในช่วงเช้าหลังการกล่าวเปิดงานของผู้อำนวยการโรงเรียน ทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปเตรียมงานที่โรงเรียน

แน่นอนว่ามาสะที่ไปโรงเรียนเกือบสายแทบทุกวันนั้น ย่อมวิตกว่าตนเองจะมาไม่ทันอย่างแน่นอน แม้จะไม่อยากเพียงใด แต่วันนี้มาสะจำใจต้องขอร้องไซน์ให้ช่วยปลุกเขาในเช้าวันนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้


ตอนนี้เป็นเวลา 5.45 น. นักเรียนปี3ห้อง2ทุกคนเตรียมพร้อมอยู่ที่ห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ต่างจ้องมองไปที่ประตูห้องเพื่อที่จะรอว่าเมื่อไหร่เจ้าหญิงของพวกเขาจะเข้าห้องมาสักที ทุกคนกำชับกับมาสะแล้วว่าห้ามสายเกินกว่า6.30 เด็ดขาด


           เพราะตอนนนั้นพวกเขาน่าจะแต่งตัวให้อาซาโนะที่ลงประกวดเป็นเจ้าชายเสร็จแล้ว และจะได้ทุ่มทั้งหมดมาช่วยกันแต่งตัวเจ้าหญิงของพวกเขา และถ้าหากมาสะมาสายกว่านี้เห็นทีคงแต่งออกมาไม่ได้ดังที่ตั้งไว้แน่นอน ซึ่งถ้าเกิดห้องนี้เกิดพลาดรางวัลที่มุ่งหวังไว้ล่ะก็ อาจมีบางคนที่โทษว่าเป็นความผิดของมาสะที่ทำให้พวกเขาอดไปเที่ยวได้ ซึ่งกดดันมาสะเป็นอย่างมาก



ถึงแม้ว่าเมื่อคืนมาสะจะเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สามทุ่มดี แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ไซน์ที่เขย่าตัวปลุกมาสะมาได้พักหนึ่งแล้ว ตัดสินใจปลุกมาสะด้วยวิธีเดิมที่เขาทำทุกๆวัน(ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ยว่าวิธีอะไร) แต่ผ่านไปเกิบ10นาที มาสะก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย

“เวลากระชั้นเข้ามาแล้วสินะ” มือหนาลูบไล้ใบหน้าเนียนอย่างทะนุถนอม ก่อนแววตาอ่อนโยนคู่นั้นจะส่องประกายราวกับได้ตัดสินใจบางอย่าง

ไซน์ใช้นิ้วปาดเบาๆไปที่ข้อมืออีกข้างของตน ข้อมือข้างนั้นปรากฏรอยจางๆก่อนที่ของเหลวสีชาดจะค่อยๆไหลซึมออกมา เขาเคลื่อนแขนข้างนั้นไปจ่อที่ริมฝีปากบางของมาสะ ราวกับผ่านไปเนิ่นนาน โลหิตสีสวยค่อยๆไหลลงลำคอของร่างบางไปหยดแล้วหยดเล่า ครู่ต่อมาไซน์จึงค่อยๆละแขนข้างนั้นออกมา บาดแผลกลับค่อยๆสมานกันราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

ไซน์เหม่อมองริมฝีปากที่ตอนนี้เป็นสีแดงไปด้วยเลือดของเขา ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ แล้วประกบริมฝีปากจุมพิตอย่างหนักหน่วงแต่ว่าไม่รุนแรง...

ท่ามกลางห้วงอากาศที่ว่างเปล่า แลดูเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด...
ไม่มีสิ่งใดอยู่ที่นี่...
ไม่จำเป็นต้องรับรู้อะไร...
ไม่ต้องกังวลเรื่องใด...
แค่หลับใหลอยู่ที่นี่...
ไม่ต้องทุกข์ร้อน...
ปล่อยตัวตามสบาย...
ไปกับกระแสกาลเวลา...
ค่อยๆลืมเลือนตัวตนไป...


มาสะ...มาสะ’ นั่นเสียงอะไรน่ะ


มาสะ...’ นั่นชื่อของเขาเหรอ


มาสะ...’ ใครกำลังเรียกเขาอยู่


ตื่นได้แล้วนะ... ทำไมต้องตื่นล่ะ อยู่แบบนี้สบายดีออก


นี่..จะสายแล้วนะ’ สายอะไร ในเมื่อมันไม่มีอะไร แล้วจะสายได้ยังไง

‘6.20แล้วนะ นัดเพื่อนไว้6.30ไม่ใช่เหรอ ....เพื่อน?...6.30…งานโรงเรียน!!

ราวกับว่ามีแรงบางอย่างฉุดกระชากรางบางอย่างแรง ก่อนที่ห้วงอากาศรอบๆตัวจะถูกบีบอัด และแตกออกอย่างกับกระจก

และเมื่อรู้สึกตัวสะดุ้งขึ้น เขาก็มาปรากฏที่เตียงแล้ว เมื่อกี้นี้ความฝันเหรอ? 

“มาสะสายจริงๆแล้วนะ” แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเสียงทุ้มนุ่มที่ได้ยินเป็นประจำก็ดังขึ้นเพื่อเรียกสติ พร้อมกับใบหน้าที่ฉายแววกังวลของไซน์


สายแล้ว!!! มาสะกระเด้งออกจากเตียงราวกับถูกน้ำร้อนลวก ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็วสูง

ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลง นัยน์ตาสีม่วงอเมทิธต์ที่เหม่อมองประตูห้องน้ำอยู่นั้นก็กลับค่อยๆเย็นชาขึ้นอย่างช้า เมื่อเจ้าของนัยน์ตารับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่กำลังคลืบคลานเข้ามา

“ท่านไซน์ขอรับ ช่วยดูสิ่งนี้หน่อยขอรับ” เสียงเล็กแหลมน่าเกลียดดังออกมาจากมุมมืดมุมหนึ่งข้างๆเตียง พร้อมๆกับการปรากฏของลำแขนผอมแห้งที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกสีดำ ยื่นอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายกระดาษเก่าๆกับจดหมายสีขาวที่ประทับตาสีทองส่งให้ไซน์ 

ไซน์มองดูตราประทับที่จดหมายก่อนจะยัดมันเข้าไปในอกเสื้อ แล้วจึงทำการอ่านข้อความในกระดาษเก่าสีน้ำตาลอีกใบอย่างผ่านๆ ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นส่งคืนให้มือคู่นั้นก็ตอบไปว่า

“เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปดูแลงานทางนั้นต่อได้แล้ว”

“ขอรับ” แขนผอมแห้งข้างนั้นค่อยๆถอยกลับเข้าไปในเงานั้น ก่อนที่จะจมหายไปจนหมด

ไซน์เหลือบมองนาฬิกาที่ฝาผนังก่อนจะปรับสีหน้าของตนให้เข้าที่แล้วตะโกนบอกมาสะไปว่า


6.27แล้วนะ” ประตูห้องน้ำกระแทกออกทันทีที่ไซน์กล่าวจบ พร้อมกับร่างบางที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนน้อยเท่านั้นปิดช่วงล่างไว้เท่านั้นกระโจนเข้าหาตู้เสื้อผ้าทันที

ถ้าเป็นปกติมาสะไม่มีทางแต่งตัวล่อแหลมแบบนี้ให้ไซน์เห็นเด็ดขาด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมากังวลเรื่องแบบนั้นแล้ว ถ้าเขาเป็นต้นเหตุให้ทุกคนในห้องแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มล่ะก็ ไม่รู้ว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง มาสะรีบแต่งตัวให้เร็วที่สุด โดยพยายามที่จะไม่สนใจสายตาของไซน์ที่มองมาทางเขา

“หกโมงจะครึ่งแล้วนะ ถ้าวิ่งไปยังไงก็ไม่ทันเดี๋ยวฉันพาไปส่งแล้วกันนะ” ไซน์พูดโดยที่สายตายังคงไม่ได้ละไปจากร่างบอบบางตรงหน้าเลย

“อะ..อื้ม” มาสะตอบรับอย่างไม่เต็มเสียงนักเพราะใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากจะรบกวนไซน์ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวจะไปสาย แล้วทำให้เพื่อนๆผิดหวัง เขาจึงจำใจตอบรับไปอย่างเสียมิได้


“เสร็จแล้ว!!!” มาสะร้องออกมาทันทีที่ติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ พร้อมๆกับร่างของเขาที่ถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอย แต่ก่อนที่มาสะจะได้ร้องท้วงออกมา บริเวณโดยรอบก็กลับกลายเป็นห้วงอากาศสีดำสนิท


ในขณะที่มาสะกำลังตื่นตะลึง และมึนงงกับสิ่งที่เจอ ไซน์ก็พาร่างของเขาเดินไปเรื่อยๆ และเมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็มาปรากฏอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องปี2ห้อง3 ห้องเรียนของเขานั่นเอง

ตอนนี้มาสะเก็บความสงสัยทั้งหมดไว้ภายในใจ แล้วหมายมั่นไว้ว่ากลับบ้านเมื่อไหร่เขาจะถามไซน์เรื่องที่เขาสงสัยทุกอย่าง แต่ตอนนี้มันน่าจะสายแล้ว เขาจึงรีบกระโจนออกจากอ้อมแขนแกร่งกระโจนเข้าหาประตูห้องทันที

“ผมมาทันทั้ยครับ..” ก่อนที่มาสะจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ร่างบางก็ถูกบรรดาเพื่อนที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องแต่งตัวฉุดกระชากเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับเสียงพึมพำที่ดังลอยมาในอากาศ

“มาทันอย่างเฉียดฉิวอีกแล้ว...อย่างกับเจาะจงไว้อย่างนั้นแหละ” อาจารย์คุโรคาวะพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนหางตาจะเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หลังประตูบานที่เด็กนักเรียนของเขาเพิ่งจะเข้ามา ชายคนนั้นมีรูปร่างสูงโปร่งเส้นผมสีชา กับดวงตาสีม่วงลึกลับกำลังมองตามร่างของนักเรียนของเขา..


“นายมาทำอะไรที่นี่น่ะ!” เสียงตะโกนดังฝ่าเสียงพูดคุยทั้งหลายออกมาจากด้านหลังห้อง ไอโด้นั่นเอง

“ฉันพามาสะมาส่ง” ไซน์ตอบด้วยท่าทีสบายๆพร้อมกับหางตาที่เหลือบไปทางอาจารย์คุโรคาวะที่ตอนนี้กำลังมองเขาอย่างพิจารณา

“ส่งเสร็จแล้วก็กลับไปสิ นายจะมายืนขวางทางคนอื่นเขาทำไม” ไอโด้แสดงท่าทีไล่เต็มที่

“ฉันก็ไม่ได้ขวางทางประตูซะหน่อย แล้วอีกอย่างงานโรงเรียนเขาก็เปิดให้คนทั่วไปเข้าได้ไม่ใช่เหรอ ผมพูดถุกใช่มั้ยครับอาจารย์” ไซน์หันไปถามความเห็นจากอาจารย์คุโรคาวะ ที่ตอนนี้โดนสายตาของไอโด้จ้องอย่างไม่ลดละ พยายามสื่อความนัยไปว่า ให้ไล่ไซน์ออกไป แต่ดูเหมือนอะไรๆจะไม่เป็นใจซักเท่าไหร่

“พวกเราทุกคนที่นี่ต้องขอขอบคุณคุณมากที่มาส่งอิซึกิได้ทันเวลา ถ้ายังไงจะเข้ามานั่งรอข้างในก่อนก็ได้นะครับ” อาจารย์คุโรคาวะเอ่ยชวนโดยทำทีเป็นไม่สนใจต่อท่าทางกระฟัดกระเฟียดของไอโด้

“อาจารย์...” ไอโด้ที่พยายามจะแย้งแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะ

“หยุดเลยไอโด้ นายอย่ามาเสียมารยาทกับผู้มีพระคุณของพวกเราอย่างนี้นะ เชิญเข้ามานั่งเลยค่ะเชิญๆ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งขัดขึ้นก่อนจะหันไปจัดแจงหาโต๊ะหาเก้าอี้ให้ไซน์นั่ง ก่อนจะเริ่มพูดคุยกับไซน์อย่างเป็นกันเอง

“ต้องขอบคุณคุณจริงๆนะคะ นี่ถ้าหมอนั่นมาช้ากว่านี้อีกนิดสงสัยจะแต่งตัวไม่ทันจริงๆ ยังไงก็นั่งพักให้สบายนะคะคุณ...” นักเรียนหญิงคนนั้นเว้นช่องว่างนิดหน่อยเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังต้องการถามชื่อของเขาอยู่

“เรียกผมว่าไซน์ก็ได้” ตอนนี้ไซน์กลายเป็นจุดสนใจของนักเรียนเกือบทุกคนในห้องที่ไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปช่วยเจ้าหญิงเจ้าชายแต่งตัว 

และแน่นอนว่าในกลุ่มที่รุมล้อมไอโด้อยู่นั้นย่อมไม่มีไอโด้รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน ตอนนี้ไอโด้เดินแยกออกมาตรงบริเวณหลังห้องที่ไม่ค่อยมีคนเขาแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรออกมาค่อยข้างจะโจ่งแจ้ง แต่มีหรือที่ท่าทีจะทำให้ไซน์ที่มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าชายแห่งดินแดนปีศาจรู้สึกอะไร เขาเพียงแค่ปลายตามามองไอโด้เพียงเล็กน้อยแล้วให้ความสนใจกับกลุ่มนักเรียนที่เข้ามารุมล้อมเขาแทน

“เอ่อ..คุณไซน์เป็นพี่ชายของอิซึกิเหรอครับ” เสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากกลุ่มเด็กที่กำลังรุมล้อมเขาอยู่

“เปล่าหรอก....ผมเป็นญาติห่างๆน่ะ” ไซน์ตอบทุกคำถามที่เด็กทั้งหลายถามเขาได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด อย่างที่เด็กพวกนั้นไม่มีทางรู้เลยว่ากำลังฟังเรื่องโกหกเกือบทั้งหมด แต่ก็เว้นไว้คนหนึ่ง

ไอโด้แสดงท่าทีไม่เชื่อคำลวงโลกนั้นอย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็ไม่มีเด็กคนไหนสังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อยเพราะแต่ละคนต่างให้ความสนใจกับบุคคลตรงหน้ามากกว่า

หัวข้อการสนทนาที่ตอนแรกเป็นเรื่องของไซน์นั้น ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเรื่องมาสะเกือบหมด พวกเขาส่วนใหญ่อยากรู้เรื่องของเพื่อนตัวเล็กที่พวกเขาสนใจแต่ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปคุยได้อย่างเต็มที่นัก 

นักเรียนพวกนั้นเริ่มถามคำถามเกี่ยวกับมาสะมากขึ้น และเจาะลึกมากยิ่งขึ้น เช่นว่าปกติมาสะทำอะไรบ้างเวลาอยู่บ้าน มาสะชอบไม่ชอบอะไร ฯลฯ ดีที่ว่าคำถามส่วนใหญ่ถูกถามออกมาในเวลาไร่เรี่ยที่เรียกได้ว่าแทบจะพร้อมกัน ทำให้ไซน์สามารถเลี่ยงที่จะตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่มีใครสงสัย

และเบี่ยงประเด็นโดยการถามกลุ่มเด็กนักเรียนกลับบ้าง

“แล้วปกติ อยู่โรงเรียนมาสะเป็นอย่างไรบ้าง” นักเรียนหลายคนหันไปมองหน้ากันเองก่อนแย่งกันตอบอย่างกับเด็กเล็กๆที่แย่งกับตอบคำถามของคุณครูเลย ทำให้ห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงดังเซ็งแซ่ ยิ่งกว่านกกระจิบแตกรังเสียอีก

ไซน์พยายามจับความ ท่ามกลางเสียงเหล่านั้นซึ่งก็ออกมาได้ประมาณว่า

มาสะจะมาโรงเรียนเกือบสายทุกวัน เขามาทันแบบเฉียดฉิวเสมอ...

มาสะมักจะนอนทั้งวัน บ้างก็บอกว่าเขาชอบนั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่างประจำ...

แต่เสียงพูดคุยที่ดังเซ็งแซ่นี้ก็ดูจะลดระดับความดังลงเมื่อมีเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“เดี๋ยวนี้หมอนั่นคุยด้วยง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย เหมือนบรรยากาศรอบตัวมันดูดีขึ้น”

“ใช่ๆเมื่อก่อน เอะอะอะไรก็คุยแต่กับไอโด้”

“พักนี้นอนในห้องไม่สนใจอาจารย์เลย ทั้งๆที่เมื่อก่อนตั้งใจเรียนจะตาย”

“ทุกวันนี้เวลาชวนคุยหมอนั่นก็ยอมคุยด้วยตลอด”

“บางทีก็มาชวนพวกเราคุยก่อนก็มีนะ”

“หมอนั่นทำตัวน่ารัก(น่ากิน)ขึ้นเยอะเลย” ประโยคหลังที่ถูกพูดขึ้นเหมือนมีเสียงเอคโคเบาๆลอยตามหลังมาด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้ใคร เพราะเหมือนเป็นการพูดเล่นเพื่อเรียกเสียงหัวเราะมากกว่า

ไอโด้ยิ้มขำๆให้กับคำพูดของเพื่อนอยู่หลังห้องคนเดียว เขาดีใจที่ในที่สุดเพื่อนๆในห้องก็เปิดใจยอมพูดคุยกับมาสะเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าลึกๆแล้วเขาจะรู้สึกเหงาอยู่นิดหน่อยก็ตาม

ไซน์ที่มองภาพเหล่านั้นด้วยแววตาที่อ่อนลงเล็กน้อย เขาอิจฉาเด็กพวกนี้ที่ได้อยู่รอบๆตัวมาสะเกือบตลอดเวลาที่มาสะอยู่โรงเรียน เขาที่ไม่ได้มีหน้าใดๆในโรงเรียนแห่งนี้ย่อมไม่มีสิทธิ์ที่จะได้อยู่เคียงข้างมาสะในเวลานี้

ขณะที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเสียงดังกันในห้อง พวกเขาลืมไปแล้วรึเปล่าว่าอีกมุมหนึ่งของห้องได้ถูกกั้นเป็นห้องแต่งตัว แน่นอนว่าเสียงพูดคุยดังขนาดนี้มีหรือที่มาสะที่ตอนนี้กำลังแต่งหน้าทำผมเป็นขั้นตอนสุดท้ายจะไม่ได้ยิน เขารู้ตัวดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนๆไม่ค่อยกล้าเข้ามาคุยกับเขาสักเท่าไหร่ ถึงจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แต่พอทุกคนบอกว่าดีใจที่สามารถพูดคุยกับเขาได้ง่ายขึ้น ในอกของเขาก็เหมือนถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกจนเจ้าตัวเผลอเม้มปากเพื่อสะกดกั้นอารมณ์ไม่ให้ทะลักล้นออกมา

“พวกเราทุกคนดีใจนะที่ได้นายมาเป็นเพื่อน” เพื่อนคนหนึ่งที่กำลังแต่งหน้าให้เขาอยู่พูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มจริงใจที่ส่งมาให้ เหมือนเธอจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของมาสะเธอจึงพูดทีเล่นทีจริงต่ออีกประโยคหนึ่ง

“แต่ทุกคนจะรักนายมากเลยถ้านายทำให้ห้องเราได้ที่หนึ่งได้ล่ะก็นะ” มาสะหัวเราะออกมาเบาๆกับคำพูดนั้น แล้วบอกกับตัวเองในใจว่า วันนี้เขาจะพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่เขาสามารถจะทำได้ เพื่อเพื่อนๆของเขาทุกคน และเพื่อตัวเขาเอง

------------------------------

ตอนต่อไป>>> ตอนที่8: ก่อนเริ่มงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น