วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รักนาย เจ้าชายปีศาจของฉัน(Yaoi) ตอนที่15: สองเรา

ตอนที่15

อิมาอิแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น อยู่ๆอาจารย์คนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางห้วงอากาศที่ว่างเปล่า แล้วยังจัดการพวกนั้นซะสาหัสโดยไม่แม้แต่จะแตะต้อง คนคนนั้นทำได้อย่างไร อิมาอิได้แต่เงียบเสียงแล้วนั่งดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆด้วยความโล่งใจเล็กๆ ทุกอย่างคงจะจบแล้วสินะ แต่เขาก็อดสงสัยท่าทางของอาจารย์ห้องพยาบาลคนนี้ที่มีต่อรุ่นน้องของเขาไม่ได้จริง

“โอ๋ ไม่ร้องนะครับคนดี ไซน์ขอโทษที่มาช้า ไม่เป็นไรแล้วนะ” ไซน์ยังคงปลอบประโลมมาสะที่ตอนนี้เหลือเพียงอาการสะอึกสะอื้นต่อไป โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาของอิมาอิ และเสียงโอดโอยของชายอีกสองคนที่นองจมกองเลือดอยู่

“ไซน์..อึก...ผมอยากกลับบ้าน”

“ได้สิ กลับบ้านกันนะ แต่ก่อนอื่นขอจัดการกับไอ้พวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียสูงเสียหน่อย” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของไซน์ทำให้มาสะต้องรีบรั้งไซน์ไว้ในทันที

“อย่าทำอะไรพวกเขาเลยนะครับ”

“ทำไมล่ะ พวกมันทำกับมาสะถึงขนาดนี้เลยนะ” ไซน์ถามกลับอย่างไม่พอใจ พอได้ยินไซน์พูดแบบนั้นแล้ว สัมผัสน่ารังเกียจเหล่านั้นก็เข้ามาในความคิดของมาสะอีกครั้ง น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วเริ่มกลับมาไหลอีก

“ไซน์ครับห้ามถึงตายนะ ผมไม่อยากให้ไซน์เป็นฆาตกร...” ทันทีที่พูดจบเสียงโอดครวญของชายสองคนนั้นก็เงียบลง มาสะไม่รู้หรอกว่าไซน์ทำอะไร เพราะเขาซุกหน้าอยู่กับอกแกร่งตลอดเวลา ตอนนี้เขาไม่ต้องการที่จะออกห่างจากอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้เลยสักนิด

อิมาอิมองภาพต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกสับสน เมื่อครู่นี่ทั้งสองคนที่ร้องโอดครวญอยู่ท่ามกลางกองเลือดก็มีอาการเหมือนหายใจไม่ออกพร้อมกับสลบไป? ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อให้โง่แค่ไหนก็ต้องรู้ว่าเป็นฝีมือของอาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่ที่ดูจะมีความสัมพันธ์พิเศษบางอย่างกับรุ่นน้องของเขา

“เหลืออีกคนที่ต้องจัดการสินะ” ไซน์เบือนหน้ามาทางอิมาอิ ซึ่งทำให้อิมาอิถึงกับเสียววูบ

“วันนี้ก็เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้เที่ยงมาหาครูที่ห้องพยาบาล คงรู้นะว่าห้ามเอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปพูดน่ะ” อิมาอิพยักหน้าอย่างรวดเร็ว คุยพรุ่งนี้เที่ยงที่มีคนอยู่เต็มโรงเรียน ดูยังไงๆก็ดีกว่าคุยกันตอนนี้ ที่ไม่รู้จะโดนเหมือนคนพวกนั้นรึเปล่า

“กลับบ้านกันนะ” ไซน์ก้มลงกระซิบกับมาสะเบาๆก่อนร่างของทั้งสองจะหายวับไปทันที

“เฮ้อ อย่างน้อยก่อนไปก็น่าจะแก้เชือกให้กันหน่อย” สิ้นเสียงบ่นเชือกที่มัดตัวของอิมาอิอยู่ก็ขาดออกราวกับมีคนรับรู้คำบ่นของเขา อิมาอิมองไปรอบๆตัวอย่างฉงนแต่ก็ไม่พบใคร เขาจึงตัดสินใจวิ่งออกจากห้องนั้น มุ่งตรงกลับบ้านในทันที โดยเตือนตัวเองว่า ถ้ากลับถึงบ้านเมื่อไหร่จะโทรเรียกรถพยาบาลให้สามคนนั้นเสียหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะเป็นเรื่อง...

ทันทีที่มาถึงบ้านไซน์ก็จัดการอุ้มมาสะตรงเข้าห้องน้ำทันที

“อาบน้ำก่อนนะครับคนดี จะได้สดชื่นขึ้น” ไซน์วางมาสะที่ตอนนี้ยังมีอาการสะอื้นหลงเหลืออยู่เล็กน้อยลงในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น ก่อนค่อยๆหยิบฟองน้ำขึ้นมาถูตามตัวของมาสะอย่างเบามือ มาสะมองตามฟองน้ำที่ลากผ่านตัวเขาไปอย่างเหม่อลอย ก่อนมือบางจะจัดการคว้ามันออกมา

“อยากอาบเองเหรอ?” มาสะไม่ตอบคำถามของไซน์แต่กลับเริ่มถูฟองน้ำไปที่ลำคอของตนอย่างแรง จนลำคอขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว แดงจนน่ากลัว ไซน์เห็นแบบนั้นก็ตกใจรีบหยุดยั้งมือบางทันที

“ทำอะไรน่ะ!

“ฮือ..ปล่อย..ผมมันสกปรก...ฮึก..ฮืออ..ผมจะขัด...” มาสะสะบัดมือหลุดจากการกอบกุมของไซน์ แล้วมือบางทั้งสองข้างก็จัดการครูดเล็บไปตามลำคอและหน้าอกจนเป็นรอย แต่ดีที่ไซน์สามารถหยุดยั้งไว้ได้ทันก่อนที่จะเป็นอะไรมากกว่านั้น

ไซน์ดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดทันทีโดยไม่สนใจว่าเสื้อที่ตนใส่อยู่จะเปียกรึเปล่า ตอนนี้ของเพียงมาสะสงบลงได้เขาก็พอใจแล้ว

“สกปรกตรงไหนกัน มาสะของไซน์น่ะ สะอาดบริสุทธิ์เสมอ”

“ฮึก...ผมมันสกปรก...ผมไม่คู่ควรกับไซน์อีกแล้ว...ผม..” ริมฝีปากบางถูกประกบปิดลงก่อนที่จะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น สัมผัสหนักหน่วงราวกับต้องการตอกย้ำให้ร่างในอ้อมแขนนี้รับรู้ว่าตนเองสำคัญแค่ไหน

ไซน์ค่อยๆละริมฝีปากออกมาอย่างช้าๆ โดยที่หน้าผากของทั้งสองยังติดกันอยู่ เมื่อเห็นว่ามาสะสงบลงและไม่มีท่าทางที่จะทำร้ายตัวเองอีกไซน์ก็เริ่มพูด

“ใครบอกมาสะไม่คู่ควร ไหนบอกว่าจะอยู่กับไซน์ไง ไซน์รักมาสะนะ ต่อให้พวกชั่วนั่นทำกับมาสะมากกว่านี้ ไซน์ก็จะแต่งกับมาสะ ไม่ยอมรับหรอก มาสะสัญญาแล้วว่าจะแต่งกับไซน์ ไซน์จะไม่ยอมปล่อยมาสะไปเด็ดขาด”

มาสะจ้องมองดวงตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยประกายความหนักแน่น บ่งบอกถึงความจริงใจคู่นั้น มาสะตัดสินใจหลบดวงตาลงก่อนริมฝีปากบางจะขยับเล็กน้อยส่งผ่านถ้อยคำที่ดังราวกับเสียงกระซิบ

“ผม..มาสะก็รักไซน์ครับ” เสียงที่เบาราวกับเสียงของสายลม แต่ถ้อยคำเบาๆนี้เองที่กำลังทำให้หัวใจของผู้รับฟองอิ่มเอมและพองโตอย่างไม่เคยเป็น

“มาสะแต่งงานกับไซน์นะ”

“...ครับ...” ถ้อยคำแต่ละประโยคช่างแผ่วเบาเกินกว่าที่ใครคนอื่นจะได้ยินแต่ทั้งสองคนที่อยู่แนบชิดกันได้ยินมันอย่างชัดเจน ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบติดกันอีกครั้ง ครั้งอ่อนหวานและนุ่มนวลกว่าใครใดๆ ในหูของมาสะพลันแว่วเสียงบทเพลงบรรเลงหวานซึ้ง สลับกับเสียงประสานคล้ายบทสวดที่เขาฟังไม่เข้าใจ แต่กลับชวนให้หัวใจรู้สึกอิ่มเอม

ดวงตาที่หลับพริ้มรับสัมผัสเมื่อครู่ค่อยๆเปิดขึ้นช้าเมื่อบทเพลงในหูจบลงพร้อมๆกับสัมผัสอุ่นที่ละจากริมฝีปากไป ทันทีที่เปลือกตาเปิดขึ้น มาสะพลันรับรู้ถึงแสงบางอย่างที่ทอประกายอยู่ระหว่างร่างของทั้งสอง มาสะก้มมองไปยังแหล่งกำเนิดแสงดังกล่าว แล้วจึงพบว่ามันมีที่มาจากตรงกลางอกของเขาเอง

รอยสักลวดลายแปลกตาที่เหมือนจะมีสัญลักษณ์และตัวอักษรกำกับอยู่ ลวดลายเหล่านั้นทอประกายแสงต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะดับลงเหลือเป็นรอยสักสีขาวซีดๆบริเวณหน้าอกของเขาตรงตำแหน่งของหัวใจพอดี

“นี่มัน...” มาสะพึมพำเบาๆ พร้อมกับเอามือลูบรอยสักแปลกๆนั้น อย่างพิจารณา เหมือนเคยเห็นที่ไหน

“เมื่อกี้เป็นพิธีกรรมน่ะ” ไซน์อธิบายเมื่อเห็นใบหน้างุนงงของมาสะ

“พิธีแต่งงานของเราชาวปิศาจไม่จำเป็นต้องจัดที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือมีสักขีพยาน พิธีสามารถเริ่มได้ทันทีที่ทั้งสองคนตกลงรับคำขอ เมื่อครู่มาสะคงจะได้ยินสินะ บทเพลงอวยพรความรักน่ะ” มาสะพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเขินๆว่า
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราสองคนก็เป็นสามีภรรยากันแล้วเหรอ?” ไซน์มองหน้าแดงๆของมาสะอย่างอ่อนโยน มาสะของเขาน่ารักจริงๆ

“ยังหรอก ถ้าเทียบแบบพวกมนุษย์ตอนนี้เราสองคนก็คงจะเป็น....อืม..คล้ายๆคู่หมั้นอะไรแบบนี้” มาสะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“รอยสักนี่เป็นตราประทับน่ะ ปีศาจทุกคู่ที่เข้าพิธีสาบานรักกันจะต้องมี นี่ตรงนี้เป็นชื่อของเราสองคนเขียนด้วยภาษาโบราณน่ะ แล้วตรงนี้ก็เป็นตราประจำตระกูล แล้วถ้าพันธะนี้สมบูรณ์เมื่อไหร่ สีของรอยสักนี่จะเปลี่ยนไปตามระดับฐานฐานะของปีศาจตนนั้นๆ อย่างของเราสองคนจะเป็นสีทอง สีของราชวงศ์..”

มาสะมองตามนิ้วของไซน์ที่ไล่ไปตามลวดลายบนอกของเขาอย่างตั้งใจ พร้อมกับพยายามไม่นึกถึงความรู้สึกจั๊กจี้แบบแปลกๆที่เกิดขึ้น

“แล้วพันธะจะเรียกว่าสมบูรณ์ตอนไหนเหรอครับ” มาสะถามออกไปอย่างสงสัยโดยไม่ได้รับรู้ประกายบางอย่างที่ปรากฏขึ้นในดวงตาสีม่วงคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย

ไซน์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูของมาสะด้วยน้ำเสียง ที่ทำให้มาสะหัวใจเต้มแรงอย่างไม่มีเหตุผล

“ก็ตอนที่คนทั้งสองรวมเป็นหนึ่งเดียวกันไง” มาสะตอนใช้เวลาครู่หนึ่งในการทำความเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคได้

ไซน์มองร่างบางที่ตอนนี้หลบสายตาของเขาเข้าไปซุกอยู่กับอกเสื้อเปียกๆอย่างเอ็นดู เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าถึงจะพยายามซ่อนใบหน้าที่แดงนั่นยังไง แต่หูกับคอนั่นก็ไม่พ้นสายตาของเขาอยู่ดี

“ไม่จำเป็นต้องคืนนี้ก็ได้ ไซน์รอได้ เพียงแค่พันธะตอนนี้น่าจะยืดเวลาของมาสะออกไปได้อีกหลายอาทิตย์ ไซน์จะไม่ฝืนใจมาสะหรอก” เขารู้ว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับร่างบางในตอนนี้ วันนี้คนในอ้อมแขนของเขาเจออะไรมามากเกินพอแล้ว ไซน์ลูบศีรษะของมาสะอย่างทะนุถนอม ซึ่งตัวของมาสะเองก็รับสำผัสนั้นนิ่งๆอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง

“ขึ้นเถอะเดี๋ยวจะเป็นหวัด” ไซน์บอกพร้อมกัยชิงหอมแก้มเนียนไปเสียหนึ่งที โดยเขาคิดเอาเองว่าอาการสะดุ้งจากร่างบางน่าจะเกิดจากการตกใจในการกระทำของเขา

มาสะขึ้นจากอ่างตามที่ไซน์บอก เขาพยายามแย่งผ้าเช็ดตัวจากมือของไซน์ที่ยืนยันจะเช็ดตัวให้เขา มาสะไม่รังเกียจอะไรที่ไซน์ทำแบบนี้หรอก ถ้าเป็นวันปกติอื่นๆ เขาคงจะยืนนิ่งๆให้ไซน์เช็ดตัวให้อย่างเต็มใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ร่างกายของเขามีบางอย่างผิดปกติ ทุกๆการกระทำของไซน์ที่สำมผัสถูกร่างของเขามันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ทุกที่ที่ถูกสัมผัสนั้นกลับร้อนขึ้นอย่างประหลาด

มาสะพยายามระงับหัวใจของตัวเองที่เต้นถี่รัวอย่างหยุดไม่ได้ พร้อมทั้งพยายามกลั้นเสียงแปลกๆที่ดูเหมือนจะพยายามเล็ดรอดออกมาจากคอของเขาทุกครั้งไปที่ถูกสัมผัส

“เอาล่ะเสร็จแล้ว” ไซน์กล่าวขึ้นขณะที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกติดให้เรียบร้อย ก่อนจะหันไปจัดการกับเสื้อผ้าเปียกๆของตนเองพลางชวนมาสะคุย

“มาสะหิวมั้ย ถ้าหิวจะได้ไปเตรียมข้าวให้”

“ไม่ครับ...”

“แล้วมีอะไรอยากทำมั้ย ดูทีวี หรือว่าจะนอนเลย” ไซน์หันมาถามหลังจากที่จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“ผมขอนอนเลยแล้วกัน....ไซน์จะไปทำอย่างอื่นก็ได้นะครับผมนอนคนเดียวได้” แต่ดูเหมือนไซน์จะไม่ได้ฟังที่มาสะพูด เขาจัดการช้อนตัวมาสะขึ้นก่อนเดินตรงเข้าสู่ห้องนอนทันที

“นอนด้วยกันนี่แหละ” ไซน์อุ้มมาสะเดินเข้าห้องนอนไปอย่างอารมณ์ดี คนตัวเล็กของเขาเริ่มหายเศร้าแล้ว

“ผมเดินเองก็ได้ ไซน์ไม่ต้องอุ้มหรอก” มาสะพยายามจะลงมาเดินเอง แต่ไซน์ก็ไม่ยอมปล่อย จนสุดท้ายก็ต้องยอมให้ไซน์อุ้มแต่โดยดี

ใกล้เกินไปแล้ว มาสะคิด เขากลัวเหลือเกินว่าไซน์จะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ของเขา อีกทั้งร่างกายที่ผิดปกตินี่ ความร้อนนั้นดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีไซน์อยู่ใกล้ๆ

ไซน์วางมาสะลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะจัดการดึงผ้าห่มให้คลุมร่างของทั้งสอง พร้อมกับรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด

เป็นแบบนี้มานานพอสมควรแล้ว ตั้งแต่ที่ไซน์มาอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนก็นอนกอดกันแบบนี้จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว มาสะซุกตัวเข้าหาอ้อมอกแกร่งก่อนจะพยายามข่มตาหลับ โดยทำเป็นไม่สนใจความร้อนที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในกาย แต่ก็ดูเหมือนว่าไซน์จะยังไม่ยอมให้มาสะนอนง่ายๆ

“จูบราตรีสวัสดิ์” คำพูดสั้นๆที่มาพร้อมกับสัมผัสที่ริมฝีปาก มาสะตกใจกับสัมผัสที่กะทันหันนั้น แต่ก็คล้อยตามไปอย่างรวดเร็ว ความร้อนในกายดูเหมือนจะผลักดันร่างบางให้ตอบรับสัมผัสจากร่างสูงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกันเกินกว่าจะเรียกว่า จูบราตรีสวัสดิ์ ได้

ไซน์แปลกใจเล็กน้อยกับการตอบรับที่ไม่คาดฝันจากร่างในอ้อมแขน ยิ่งร่างบางตอบรับอย่างร้อนแรงขนาดนี้แล้วด้วย เขาจะยอมให้น้อยหน้ากว่าได้อย่างไร จุมพิตครั้งนี้เร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆราวกับจะแข่งกันว่าใครจะเป็นคนยอมแพ้แล้วผละออกไปก่อนกัน...

“แฮ่กๆ...ฮ๊า...” เป็นมาสะที่ผละออกมาก่อนเพื่อสูดอากาศหายใจ แต่ก็ต้องเผลอครางออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อถูกฝ่ามือแกร่งลูบเบาๆที่ใบหน้า

ไซน์มองปฏิกิริยาของมาสะอย่างแปลกใจ ปกติมาสะเป็นคนที่ไวต่อสัมผัสของเขาอยู่แล้ว แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมร่างบางถึงได้ดูไวต่อสัมผัสกว่าปกติ ไซน์ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน เขาดึงร่างบางที่ตอนนี้ยังคงหายใจแรงเพื่อสูดอากาศให้เข้ามาใกล้ ก่อนก้มลงประทับจูบที่ลำคอ ซึ่งตอนนี้ยังคงแดงด้วยฝีมือเจ้าตัวอยู่เลย

“อ๊า...อุ๊บ” มาสะปิดปากตัวเองที่หลุดเสียงครางออกมาแทบไม่ทัน ตรงบริเวณที่ไซน์สัมผัสมันรู้สึกร้อนไปหมด จนเขาควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ อ่า นี่เขาเผลอทำตัวแปลกๆให้ไซน์เห็นรึเปล่านะ

“มาสะเป็นอะไรมากรึเปล่า” ไซน์ถามอย่างเป็นห่วงกับปฏิกิริยาที่แปลกไปของร่างบาง

“ม..ไม่เป็นไรครับ...เรา...นอนกันดีกว่า” มาสะพยายามเบี่ยงเบนความสงสัยของไซน์ แล้วซุกตัวนอนในผ้าห่ม พร้อมกับข่มตาลง พยายามไม่สนใจความร้อนในร่างกายที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว เพิ่มมากจนเขาเริ่มอึดอัด

ไซน์พิจารณาท่าทางแปลกๆที่มาสะแสดงออกมาด้วยความสงสัย ไซน์ค่อยๆเลื่อนมือไปสัมผัสร่างบางที่ตอนนี้หลับตาอยู่อย่างแผ่วเบา ทันทีที่สัมผัสถูกร่างบางก็กระตุกเกร็งพร้อมกับหลุดเสียงครางออกมา แถมอัตราการหายใจก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ไม่ปกติ นี่มันไม่ปกติสุดๆ เกิดอะไรขึ้นกับมาสะของเขาอย่างนั้นเหรอ แล้วภาพตอนที่เข้าไปช่วยมาสะก็ผุดขึ้นมาในหัวของไซน์ ยานั่น!

“มาสะ ยาที่พวกนั้นให้มาสะดื่มคือยาอะไร” ไซน์จัดการขึ้นคล่อมร่างบาง ก่อนจับให้ใบหน้าหวานสบตากับเขา เขาจะไม่ปล่อยให้มาสะนอนตอนนี้แน่ถ้ายังไม่รู้ว่ายานั่นมีผลอย่างไรกับคนรักของเขา

มาสะพยายามที่จะหลบสายตาคาดคั้น ที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถเพราะมือทั้งสองข้างของไซน์จัดการยึดใบหน้าของเขาไว้

“ยานั่นใช่มั้ยที่ทำให้มาสะแปลกๆน่ะ ขอร้องล่ะบอกไซน์เถอะ ไซน์เป็นห่วงนะ” มาสะรู้สึกผิดที่ทำให้ร่างสูงต้องเป็นห่วง แต่ใหนึ่งเขาก็อายเกินกว่าจะบอกไซน์เรื่องยา แต่สายตาที่เว้าวอนนั่นก็ทำให้มาสะใจอ่อนจนได้

“นั่นมัน...ยาปลุก....ครับ” มาสะรู้ดีว่าตอนนี้ในหน้าของเขาต้องแดงมากแน่ๆ นี่เขาพูดอะไรน่าอายแบบนั้นออกไปได้ยังไง

“ยาปลุก? แล้วมันมีฤทธิ์ยังไง?” ไซน์มองหน้ามาสะที่ตอนนี้เหวอสุดๆอย่างขำๆ มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอที่เขาไม่รู้จักยาที่ว่านั่น ปีศาจอย่างเขาไม่ป่วยบ่อยนักหรอก ยิ่งยาของพวกมนุษย์แล้ว ถ้าไม่ใช่ตัวยาที่ถูกพูดถึงกับบ่อยๆเขาไม่มีทางรู้จักหรอก

“เอ่อ...” มาสะอึกอัก ลังเลว่าจะบอกไซน์ไปดีมั้ย แต่แค่พูดชื่อยานั่นก็อายจะแย่อยู่แล้ว นี่เขาจะต้องมาบรรยายสรรพคุณของมันให้ไซน์ฟังอย่างนั้นเหรอ พูดไม่ได้ ยังไงก็พูดไม่ได้ เรื่องน่าอายขนาดนั้น

ไซน์มองในหน้าที่ซีดสลีบแดงอย่างเป็นห่วง หรือยานั่นจะมีฤทธิ์ร้ายแรง ด้วยความเป็นห่วงไซน์จึงเอื้อมมือไปสัมผัสตัวของมาสะอีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าคนตัวเล็กของเขายังสบายดีอยู่ใช่มั้ย

“อ๊ะ..”

“เจ็บเหรอ?” ไซน์ไม่แน่ใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของร่างบาง มันดูเหมือนมาสะกำลังพยายามเชิญชวนเขาอยู่แต่ ร่างเล็กกับดูทรมาน?

“ไม่ครับ...แต่ว่า...” มาสะส่ายหน้าน้อยๆก่อนเบนสายตาหนีนัยน์ตาสีม่วงที่จ้องมองมาอย่างเป็นห่วงคู่นั้น

“แต่อะไรทำไมมาสะไม่บอกไซน์ล่ะ ไซน์เป็นห่วงมาสะนะ” ไซน์กล่าวอย่างตัดพ้อ ทำไมมาสะถึงไม่ยอมบอกเขา ไซน์รวบตัวของมาสะเขามากอด กอดให้แน่นที่สุด เพื่อให้ร่างบางรับรู้ว่า เขาอยู่ตรงนี้นะ เขายัง.....

แต่แล้วความคิดทุกอย่างก็เป็นอันหยุดลง ในหัวของไซน์พลันว่างเปล่าไปชั่วขณะ เมื่อเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ตรงบริเวณท้องน้อยของเขา

“นี่มัน...” ไซน์พึมพำเบาๆก่อนจะทำการยืนยันสมมุติฐานของตัวเองด้วยการล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อของมาสะแล้วทำการลูบไปมา

“อ..ฮ๊า...ไซน์..อา..ทำอะ..ไร..” ไซน์มองร่างบางที่พยายามพูดหยุดเขาอย่างยากลำบาก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมมาสะถึงไม่ยอมบอกเรื่องฤทธิ์ยานั่นกับเขา หึหึ คงจะอายสินะ

“พิสูจน์อะไรนิดหน่อย ตอนนี้ไซน์เข้าใจแล้วว่ามาสะเป็นอะไร..” ไซน์มองร่างบางที่ตอนนี้ซุกหนีเขาเข้าไปในผ้าห่มอย่างเอ็นดู

“ปล่อยผมไว้แบบนี้แหละครับ...เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้าก็หาย...”

“แต่มันทรมาณไม่ใช่เหรอ...ให้ไซน์ช่วยดีกว่านะ” มาสะสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับหลุดเสียงครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เมื่อฝ่ามือแกร่งสัมผัสไปตรงบริเวณที่แข็งขืนดุนดันหน้าท้องของไซน์เมื่อครู่ แต่ไซน์ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากว่านั้นเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นจากร่างบาง

“กลัวเหรอ” มาสะพยักหน้ารับ มันทำให้เขานึกถึงเรื่องน่ากลัวที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อตอนเย็น

“ไม่ต้องกลัวนะไซน์จะลบมันออกไปเอง ไซน์สัญญาว่าจะอ่อนโยนกับมาสะให้มากที่สุด” ไซน์รวบร่างของมาสะให้เข้ามาแนบชิดตัวของเขามากที่สุด ก่อนจุมพิตเบาๆที่หน้าผากเป็นการปลอบประโลม

“ให้ไซน์ช่วยนะ..” มาสะจ้องมองดวงตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยความรักคู่นั้นอย่างครุ่นคิด ก่อนความรู้สึกหนึ่งลึกๆในใจจะผลักดันให้เขาพูตอบออกไป

“ครับ ผมเชื่อไซน์” มาสะตอบรับริมฝีปากหนาที่ประกบลงมาอย่างเต็มใจ พร้อมกับวงแขนบางที่โอบกระชับรอบคอของร่างสูง


ถ้าเป็นไซน์ล่ะก็ เขาเต็มใจที่จะมอบร่างกายและจิตวิญญาณนี้ให้ เขาเชื่อว่าไซน์จะไม่ทำร้ายเขา มาสะตอบรับทุกสัมผัสที่ได้รับอย่างอ่อนหวาน เพื่อบ่งบอกให้รู่ว่า คืนนี้มาสะจะเป็นของไซน์....ต่อแต่นี้ไปเราจะเป็นของกันและกัน...ตลอดไป

ตอนต่อไป >>> ตอนที่ 16

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Oi Muchim ยำแตงกวาสไตล์เกาหลี

วันก่อนค่ะ หิวมาก แต่วันนั้นกินโน่นกินนี้ไปตั้งเยอะแล้วเลยลองหาเมนูสุขภาพใน pinterest ดูก็บังเอิญไปเจอกับเมนูที่เรียกว่า Oi Muchim เข้า สลัดแตงกวาสไตล์เกาหลี อ่านสูตรวิธีทำแล้วไม่ยาก แถวเครื่องก็มีเกือบครบ ก็เลยจัดเลยค่ะ

Oi Muchim


ภาพนี้จากกูเกิ้ล :)

ส่วนผสม
น้ำส้มสายชูหมัก                     2 ช้อนโต๊ะ
โคชูจัง                                 1-2 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว                             ใส่ตามชอบ
น้ำมันงา                              1ช้อนโต๊ะ
เกลือ                                   1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล                                1/2 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย 
แตงกวาลูกกลางๆ 2ลูก ซอยบางๆ
เพิ่มความเผ็ดตามชอบด้วยพริกป่นเกาหลี
(ไม่รู้สึกถึงความเผ็ดเลยค่ะ แต่ถ้าใส่มาก อาจจะขมได้นะ)


วิธีทำ
แล้วก็เตรียมเครื่องกันเลย แตงกวาบ้านเราน้ำเยอะ ถ้าทำแล้วไม่ได้กินเลย หรือกินไม่หมดในทีเดียว แนะนำคว้านเมล็ดออกนะคะ น้ำแตงกว่าจะได้ไม่ออกมาเจือจางรสชาติ


หั่นครึ่งตามแนวยาว แล้วใช้ช้อนกินข้าวธรรมดานี่แหละค่ะ คว้านเลย เวิร์คมาก




ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไปในชาม คนทุกอย่างให้เข้ากันอย่างทั่วถึง
(จากประสบการณ์ครั้งนี้ แนะนำให้คนทุกอย่างยกเว้นแตงกวาก่อน 
แล้วค่อยเอามาคลุกกับแตงกวาทีหลัง จะคลุกเคล้าง่ายกว่าการทำแบบนี้) 



 เสร็จแล้ว!!
(ลืมเช็ดขอบกล่องก่อนถ่ายมาเลยดูเลอะๆเลย ฮ่าๆ)


กินกับข้าวอร่อยมากค่ะ หรือจะเอาไปกินเป็นเครื่องเคียงก็เวิร์คใช้ได้ๆ 

อันนี้เอาใส่กล่องไปกินวันต่อมา น้ำแตงกวาออกมาพอสมควรแต่ไม่เยอะมากเพราะเราคว้านเมล็ดออกหมดแล้ว รสชาติอร่อยฟินๆไปค่ะ กินกับปลาทอดเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก :)









รักนาย เจ้าชายปีศาจของฉัน(Yaoi) ตอนที่14: มารผจญ

ตอนที่14:
เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดแลกเปลี่ยนความหวานกันอย่างไม่สิ้นสุด ไซน์ละจากริมฝีปากที่ตอนนี้อิ่มแดงด้วยแรงสำผัสของเขา ก่อนค่อยๆไล้ริมฝีปากมาตามลำคอขาว ก่อนกดจูบทิ้งรอยแดงไว้บริเวณไหปลาร้า มือหนาที่เคยโอบประคองร่างบาง ค่อยๆล้วงสัมผัสเข้าไปภายในสาบเสื้อ ซึ่งสัมผัสนี้เองที่เรียกสติของของมาสะกลับมา มาสะสะดุ้งสุดตัวก่อนโพล่งออกมา
“ผมต้องไปเรียนแล้ว” ก่อนจะพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมแขนแกร่ง
“โดดเรียนไม่ได้เหรอ” ไซน์กระซิบอย่างเว้าวอน ทำเอามาสะเกือบใจอ่อน
“ไม่ได้หรอก ไว้ตอนเย็นได้มั้ย ไซน์รอผมอยู่ที่ห้องพยาบาลนะ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วผมจะมาหา” มาสะต่อรองก่อนจะพูดออกมาอีกประโยคที่แม้แต่ตัวเองที่เป็นคนพูดยังรู้สึกกระดากอายอย่างบอกไม่ถูก
“เย็นนี้ผมจะตามใจไซน์ทุกอย่างเลย”
“ทุกอย่างจริงเหรอ” มาสะพยักหน้ารับ โดยพยายามไม่ใส่ใจกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏบนใบหน้าของไซน์
“งั้นไปเรียนเถอะ ฉันจะรออยู่ที่ห้องพยาบาลนี่อย่างใจจดใจจ่อเลย” ไซน์ก้มลงกระซิบข้างหูมาสะ ก่อนจะขบเม้มใบหูหยอกเย้าเล่น
มาสะยกมือขึ้นปิดหูข้างนั้นอย่างตกใจ ก่อนจะเดินหน้าแดงออกจากห้องไป โดยพยายามทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของไซน์ที่ดังตามหลังมา ไม่อยากคิดเลยว่าเย็นนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
“อิซึกิ นายเข้าสายนะ ดีที่ว่าอาจารย์ยังไม่เข้า แล้วนายวิ่งมาจากไหนเนี่ยถึงได้แดงไปทั้งตัวแบบนี้” ไอโด้เอ่ยเสียงทักทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง
มาสะไม่ตอบเพียงแค่นั่งลงเงียบๆเท่านั้น ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยใบหน้ากลุ้มกลิ่มของไซน์ที่เห็นก่อนจากกันมา เย็นนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรบ้างเนี่ย ไม่น่าพูดแบบนั้นไปเลยจริงๆ
มาสะเริ่มเหม่อออกไปนอกหน้าต่างทันทีที่อาจารย์เข้ามาสอน พร้อมกับมือที่เผลอลูบแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างไม่รู้ตัว

“นี่เอาจริงเหรอ”
“เออสิ อุตส่าห์วางแผนมา ของก็เตรียมมาแล้วจะกลัวอะไรอีก”
“แต่ได้ยินมาว่าหมอนนั่นอยู่ชมรมคาราเต้ไม่ใช่เหรอ ถึงพักหลังจะไม่เคยเข้าชมรมเลย แต่ก็ได้ยินมาว่าฝีมือดีเอาเรื่องอยู่นา”
“กลัวอะไรตอนนี้มันกำลังไม่ค่อยสบาย ต้องตอนนี้แหละ หรือว่าพวกแกไม่อยากลอง เจ้าหญิงนิทราเชียวนะ ข่าวว่าหุ่นดีโคตร”
“เอาวะเรามีกันตั้งสามเอาเด็กตัวนิดเดียวไม่อยู่ก็ให้มันรู้ไป” เมื่อตกลงกันได้แล้วชายหนุ่มสามคนก็เคลื่อนตัวออกจากหลังอาคาร ซึ่งในเวลาเลิกเรียนแบบนี้แทบไม่มีคนเดินผ่าน
“วันนี้เจ้าหญิงเป็นเวรทำความสะอาดเดี๋ยวต้องผ่านทางนี้แน่นอน” หนึ่งในสองเอ่ยขึ้นก่อนค่อยๆซ่อนตัวบริเวณพุ่มไม้ใกล้ๆกับที่ทิ้งขยะ รอเพียงไม่นานคนที่พวกเขารอก็โผล่ออกมา พร้อมกับถังขยะในมือ
มาสะกำลังตื่นเต้น พอทิ้งขยะถังนี้เสร็จ เขาก็จะต้องไปหาไซน์แล้ว เขาทั้งตื่นเต้นและประหม่า ยิ่งพอคิดถึงเรื่องน่าอายที่ทำไปเมื่อตอนกลางวัน ใบหน้าก็ร้อนวูบ ไหนจะเรื่องที่ไปยอมไซน์อีก ไม่รู้เย็นนี้เขาจะเป็นยังไง
มาสะไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าขณะที่เขากำลังคิดกังวลเรื่องของไซน์อยู่ก็ได้มีบุคคลแปลกหน้าสองคนเดินมาที่ด้านหลังของเขาแล้ว
“ฮึบ! เอาล่ะเสร็จสักที” ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับนั้นเอง ก็มีมือปริศนาเข้ามาล็อกตัวเขาไว้ พร้อมๆกับผ้าสีขาวชื้นๆโปะมาที่จมูกของของ ก่อนที่มาสะจะทันได้ขัดขืนโลกทั้งใบก็ดับวูบลง
“เฮ้ยๆพอ เดี๋ยวเจ้าหญิงก็หลับไม่ตื่นหรอก หมดสนุกกันพอดี” ชายคนที่หนึ่งเข้ากระชากผ้าออกจากปากมาสะ
“ไม่ต้องห่วงว่าจะหมดสนุกหรอก ฉันผสมจางๆ อีกสักครึ่งชั่วโมงก็น่าจะฟื้นแล้ว เอาล่ะมาช่วยกันแบกไปรอที่ห้องเก็บอุปกรณ์ดีกว่า”

“อิมาอิ ฝากทิ้งขยะด้วยนะ พวกเราไปก่อนนะ”
“ได้ๆ แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้” อิมาอิ เรียว โบกมือลาเพื่อนๆ ก่อนค่อยๆหอบถังขยะขึ้น แล้วเดินไปทางที่ทิ้งขยะหลังอาคาร แต่ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงจุดหมายสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่าง
นั่นมันเด็กที่ลงประกวดแล้วได้รางวัลกับเขานี่นา คนที่ได้ฉายาว่าเจ้าหญิงนิทรา ทำไมโดนพวกปี3แบกไปล่ะ หรือว่าเป็นลมอีก แต่คนพวกนั้นมัน...
ด้วยความสงสัยเขาจึงเริ่มสะกดรอยตามไปห่างๆ แล้วคนกลุ่มนั้นก็ไปหยุดในอาคารเก็บอุปกรณ์กีฬา
อาคารเก็บอุปกรณ์กีฬาเป็นอาคารเล็กๆที่สร้างอยู่นอกตึกเรียน ไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์กีฬาตามชื่อของมัน ในเวลาเลิกเรียนแบบนี้จะไม่มีคนเดินผ่าน ยิ่งเวลาที่ชมรมทั้งหลายต่างพากันเลิกหมดแล้วด้วย อีกสักพักก็น่าจะมีอาจารย์มาล็อกห้อง พวกนั้นน่าสงสัยจริงๆ พาเด็กคนนั้นมาที่แบบนี้ทำไมกัน เขาจึงตัดสินใจเดินไปที่หน้าห้องเก็บของเพื่อฟังบทสนทนาข้างใน
“มัดมือไว้ก่อน เดี๋ยวตื่นขึ้นมาจะได้จัดการง่ายๆ”
คำพูดส่อแววไม่ดีทำให้อิมาอิตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป  แล้วสิ่งที่เห็นก็สร้างความตกใจให้กับเขามาก
เขาเห็นรุ่นน้องของเขาถูกมัดมือไว้กับเสาที่ปกติมีไว้ขึงเน็ตวอลเล่บอล กระดุมเสื้อนักเรียนบางส่วนถูกปลดออกเผยหน้าอกแบนราบ ขาวเนียน เขาจำได้ว่าทั้งสองคนเป็นเด็กห้องข้างๆเขาที่ขึ้นชื่อไม่ดีเรื่อง ทั้งทะเลาะวิวาท เที่ยวผู้หญิง สูบบุหรี่ กินเหล้า ไม่เคยตั้งใจเรียน...
“นี่พวกนายทำอะไรกันน่ะ” อิมาอิตะโกนเสียงดัง ด้วยหวังว่าเสียงของเขาจะสามารถปลุกรุ่นน้องคนนั้นให้ตื่นมารับรู้สภาพของตัวเอง
“ดูก็น่าจะรู้นี่ ก็กำลังจะเปิดซิงคนที่ได้ชื่อว่าเจ้าหญิงนิทราไง พ่อนักเรียนดีเด่นอยากลองด้วยกันมั้ยล่ะ” ชายคนหนึ่งหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้เขาอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ แถมมือก็ยังคงปฏิบัติการปลดกระดุมเสื้อของร่างบางที่ยังคงหลับไม่ได้สติต่อไป
“พวกนายทำแบบนั้นมันผิดรู้มั้ยฉันว่าเลิกดีกว่า ถ้าเด็กคนนั้นแจ้งตำรวจล่ะก็พวกนายหมดอนาคตเลยนะ”
“ถ้ามันกล้าไปแจ้งล่ะก็นะ” ชายอีกคนกล่าวขึ้นพร้อมกับชูกล้องวิดิโอขึ้นมาโบกให้อิมาอิดู
“พวกนายนี่มัน จะไม่ปล่อยเด็กคนนั้นใช่มั้ย งั้นฉันจะช่ว.....” อิมาอิกล่าวอย่างโกรธเคือง แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรนั้น ท้ายทอยของเขาก็รับรู้ได้ถึงแรงกระแทกอย่างแรง ก่อนภาพตรงหน้าจะดับวูบไป
“เฮ้ยๆ ไปตีมันแบบนั้นเกิดมันตายขึ้นมาจะว่ายังไง” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงดังออกมาจากปากของชายคนเดิมที่ถือกล้อง เอ่ยกับชายอีกคนที่เข้ามาใหม่ทางประตู
“มือชั้นนี้แล้ว ฉันกะแรงได้น่าว่าแค่ไหนถึงตาย เออใช่ฉันไปเอากุญแจห้องนี้มาแล้วนะ เราใช้ที่นี่ได้นานเท่าที่ต้องการเลยล่ะ หึหึ แล้วก็จับเจ้าอิมาอิมัดแล้วถ่ายรูปแบล็กเมลไว้ดีกว่า กันมันเอาเรื่องของพวกเราไปโพนทะนา” สิ้นคำพูดของผู้มาใหม่ ทั้งสองคนก็จับอิมาอิมัดแล้วนำไปไว้ตรงมุมมุมหนึ่งของห้อง
ส่วนชายอีกคนก็จัดการแก้มือของมาสะออกจากเสา แต่มือทั้งสองข้างก็ยังถูกมัดอยู่ แล้วก็อุ้มมาสะให้มานั่งตักของอิมาอิ ก่อนจัดท่าทางให้ซบกัน
รูปที่ถ่ายออกมาดูน่าหวาดเสียวมาก เพราะไม่ว่าจะดูมุมไหนก็จะเห็นเป็น อิมาอิ เรียว นักเรียนดีเด่นของโรงเรียน กำลังโอบกอดซุกไซร้เด็กผู้ชายร่างเล็กผิวขาวเนียนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ดูยังไงก็เหมือนว่าทั้งสองกำลังจะเริ่มความสัมพันธ์สวาทกันอยู่
“ได้รูปแล้วเอากลับไปมัดเสาเหมือนเดิมมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ตรงนั้นดีกว่า ตรงเบาะรองพื้นของพวกชมรมยิมนาสติก ตรงนั้นน่าจะดีกว่า” เมื่อตกลงกันได้ทั้งสามคนก็พาตัวมาสะมานอนตรงเบาะรองขนาดใหญ่ ก่อนค่อยๆปลดเสื้อผ้าที่เหลือบนร่างของมาสะออกจนเหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวบางแค่ตัวเดียว
“ให้ตายสิ หุ่นน่ากินเป็นบ้า เมื่อไหร่มันจะตื่นวะ จะเอาตอนหลับๆแบบนี้มันไม่เร้าใจ ต้องดิ้นๆสิถึงจะโดน”
“อีกไม่นานหรอก นี่มันก็นอนมานานแล้ว คงไม่เกิน10นาที...” พูกยังไม่ทันขาดคำร่างบางที่นอนอยู่ตรงกลางระหว่างคนสามคนก็มีปฏิกิริยาขึ้น
“เฮ้ยๆขยับแล้ว เอาเลยได้มั้น อยากว่ะ”
“ใจร้อนจริงพวก เจ้าหญิงยังไม่ลืมตาเลย”
เสียงพูดคุยฟังแปลกหูที่ดังตลอดเวลาเรียกสติของมาสะให้ตื่นขึ้น เกิดอะไรกับเขานะ จำได้ว่าเขาเอาขยะมาทิ้งแล้วจากนั้นก็...โดนคนโปะยาสลบ!? พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเจออะไรมาดวงตาที่ปิดสนิทก็เบิกโพลง
“ตื่นแล้วโว้ยๆ ไม่รอแล้ว..” เสียงเสียงพูดมาสะก็รับรู้ได้ถึงน้ำหนักของใครบางคนที่โถมเข้ามาพร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นที่ซอกคอขาว
“ทำอะไรน่ะ นี่มันอะไรกันหยุดนะ ปล่อยผม พวกคุณเป็นใครเนี่ย!” มาสะโวยวายสียงดัง พร้อมกับพยายามดิ้นหนีสำผัสน่ารังเกียจที่คุกคามเขา ข้อมือที่ถึงจะถูกมัดแต่ก็พยายามที่จะดันหัวของคนไร้มารยาทออกไป
“ก็บอกแล้วไงว่าให้มัดเสา เห็นมั้ยว่ามือมันเกะกะ แล้วก็นะเจ้าหญิงยอมซะดีๆเถอะน่า” ชายอีกคนจัดการจับข้อมือของมาสะกดลงที่เหนือศีรษะ ก่อนจะค่อยๆจ่อกล้องไปที่ใบหน้าของมาสะ ก่อนจะค่อนๆเลื่อนลงไปถ่ายการกระทำของเพื่อนตนที่ยังคงไม่ละออกจากซอกคอขาว
“หยุดนะปล่อยผม จะทำอะไรน่ะ!” มาสะยังคงโวยวายพร้อมกับดิ้นสุดแรงก่อนรู้สึกถึงการลวนลามที่ช่วงล่างของเขา เท้าที่ยังคงเป็นอิสระจัดการถีบไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นอย่างสุดแรง
“โอย ถีบมาได้นะ” ชายที่โดนถีบร้องโอดโอยก่อนกดขาทั้งสองข้างของมาสะลง พร้อมกับทิ้งน้ำหนักตัวทับขาทั้งสองข้างไว้ ทำให้ตอนนี้มาสะไม่สามารถดิ้นได้อีกแล้ว
“แสบนักนะเดี๋ยวจะจัดการให้เห็นสวรรค์เอง” ชายคนนั้นจัดการดึงปราการด่านสุดท้ายของมาสะออก ก่อนจัดการปลุกเร้าอารมณ์ทันที
“ม่าย!!! หยุดนะ...ปล่อยผม...ฮืออ..อึก...ปล่อยผม...ใครก็ได้...ช่วยด้วย..ฮือ”  เสียงพูดคุยบวกเสียงตะโกน เรียกสติของอิมาอิให้กลับมาเรื่อยๆพร้อมกับอาการเจ็บแปรบที่ท้ายทอย เสียงร้องไห้ อิมาอิเงยหน้าขึ้นไปมองทางต้นเสียง ภาพที่ดูเบลอๆค่อยๆชัดขึ้นตามลำดับ และสิ่งที่เห็นทำให้เขานึกเรื่องที่เกิดขึ้นออกทันที
“ไอ้บวกบ้า ปล่อยน้องเขาไปนะ ไอ้ชั่วเอ้ย!..” อิมาอิพยายามตะโกนด่าสารพัดแต่ทั้งสามคนนั้นก็ดูจะไม่มีใครสนใจเขาเลย
“เจ้าอิมาอิดันตื่นซะได้โวยวายน่ารำคาญจริง นี่เจ้าหญิงไอ้สองตัวนั้นทำให้ตั้งขนาดนั้นแล้วทำให้ฉันบ้างสิ” ชายอีกคนจัดการวางกล้องลงข้างๆ แต่แน่นอนว่ากล้องยังคงถ่ายมาที่ใบหน้าของมาสะที่ตอนนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นให้หยุดอยู่ตลอด ชายคนนั้นจัดการจับใบหน้าของมาสะให้หันมาทางตน ทำให้ใบหน้าของมาสะอยู่ตรงเป้าของคนตรงหน้าพอดี
และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือชายคนนั้นกำลังรูดซิบกางเกงลง! ไม่นะ! ไม่เอา ใครก็ได้ ไซน์ ช่วยผมด้วย!!!
“ฮือ..ไซน์...ช่วยผมด้วย...ไซน์..”

ห้องพยาบาล
ไซน์กำลังนั่งผิวปากอย่างอารมณ์ดี วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกมีความสุขที่สุดตั้งแต่จำความได้ รออีกไม่นานมาสะก็จะมาหาเขาแล้ว อีกไม่นานเขากับมาสะก็จะได้เป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริง เขาไม่เคยคิดเลยว่าการรักใครสักคน แล้วคนคนนั้นเองก็รักเรา มันจะทำให้มความสุขได้มากขนาดนี้ มิน่าล่ะพ่อกับแม่เขาถึงได้ขยันมีน้องแบบนี้
ไซน์เหลือบมองนาฬิกา นี่มันเลยเวลาปกติมาพักหนึ่งแล้ว แต่วันนี้มาสะเป็นเวรทำความสะอาด จะช้านิดหน่อยก็คงไม่แปลก หรือไม่ก็อาจจะเขินจนไม่กล้ามาเจอเขาก็ได้ มุมปากยกขึ้นทันทีที่ความคิดนี้เข้ามาในหัว หึ นี่เขาคิดถึงแต่มาสะอีกแล้ว ไซน์เอามือก่ายหน้าผากกับความคิดของตัวเอง แต่ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มไม่เลิก
...ฮือ...ไซน์....ฮือ...ช่วยผมด้วย...ฮือๆ...ไซน์...
ร้อยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าหุบลงทันที พร้อมกับดวงตาที่ทอประกายโกรธเกรี้ยว เมื่อเสียงของคนที่เขากำลังคิดถึงเข้ามาในหัว ใครมันบังอาจมาทำให้มาสะของเขาต้องร้องไห้!!!!

“อะไรกัน เจ้าหญิงไม่ยอมให้ความร่วมมือเลย แล้วเมื่อกี้ร้องให้ใครช่วยนะ อาจารย์ห้องพยาบาลคนนั้นน่ะเหรอ” มาสะหลับตาร้องไห้อย่างไม่ต้องการจะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตน ในใจก็ร้องเรียกหาแต่ไซน์ ....ฮือ..ไซน์...ช่วยผมด้วย
“เฮ้ยเอายานั่นไปไว้ไหนวะ ดูเจ้าหญิงของแกดิ ตายด้านป่าววะ ทำตั้งนานไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย”
“ดูในกระเป๋าเอาเองดิ” ชายอีกคนตอบ ตอนนี้เขาละจากลำคอขาวลงมาที่หน้าอกเนียนแทนแล้ว
“เฮ้อยพวกแกจะเอายาอะไรไปให้น้องเขาน่ะ นี่! ปล่อยนะโว้ย ไอ้พวกสารเลว” อิมาอิก็ยังคงดิ้นรนพร้อมทั้งโวยวายต่อไปอย่างไม่เป็นผล
“โวยวายไปก็เท่านั้น ยานี่เหรอ ก็ยาปลุกไง เจ้าหญิงจะได้เห็นสรวงสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยละ” ชายคนนั้นพูดพร้อมชูขวดยาขึ้นมาให้อิมาอิดู ก่อนจัดการโยนขวดไปให้ชายเจ้าของกล้องที่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำให้มาสะยอมอ้าปากได้
“บีบจมูกแล้วจัดการกรอกยาเลย จะได้สนุกกว่านี้หน่อย นี่อะไรทำตั้งนานยังไม่แข็งเลย” ชายคนนั้นรับขวดยามาอย่างว่าง่าย ก่อนจะจัดการบีบจมูกของมาสะเอาไว้ตามที่ถูกสั่ง ก่อนก้มลงกระซิบข้างหู
“ดูซิ ไม่มีอากาศหายใจแล้วจะทนได้นานแค่ไหน” มาสะอยากจะกรีดร้องโวยวายจริงๆ แค่สัมผัสน่าขยะแขยงพวกนั้นยังไม่พออีกเหรอ จะมาทรมานเขาอีกทำไม ฮือ....ไซน์อยู่ไหน ช่วยผมด้วย.....
ถึงจะพยายามกลั้นหายใจมากแค่ไหนแต่ตัวของมาสะเองตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ทันทีที่อ้าปากเพื่อสูดเอาอากาศ ขวดที่บรรจุของเหลวรสชาติไม่คุ้นลิ้นก็ถูกจ่อเข้ามาทันที
“กลืนเข้าไปให้หมดไม่งั้นอย่าหวังจะได้หายใจเลย” ถึงจะไม่อยากกลืนสักแค่ไหน แต่อาการสำลัก ก็ทำให้ของเหลวนั้นลงคอไปหลายอึกอยู่ อีกทั้งยังหกเลอะทั่วใบหน้าอีกด้วย
“แค่กๆ...อึก” พออาการสำลักเริ่มทุเลาลง มาสะก็ถูกจับกรอกยาอีกครั้ง ดูเหมือนคนพวกนี้จะเริ่มหมดความอดทนกับเขาแล้ว เพราะมาสะรับรู้ได้ถึงแรงบีบที่ขากรรไกร พร้อมกับยาที่ถูกกรอกลงคออย่างไม่ปราณี
“ทีนี้จะได้สนุกกันจริงๆซะที..”
“สนุกมากเลยเหรอ” น้ำเสียงไม่คุ้นดังขึ้นทำให้ทั้งสามคนสะดุ้งตกใจ มาสะพยายามลืมตาขึ้นมองเมื่อกระแสเสียงคุ้นหอเข้ากระทบโสประสาท ทั้งที่ยังมีอาการสำลักน้ำอยู่
“เฮ้ย! เข้ามาตอนไหนวะ”
“..ไ...ไซน์..แค่กๆ..” เสียงเรียกเบาๆดังจากริมฝีปากของร่างบาง ไซน์มองร่างที่เปลือยเปล่าของร่างบางด้วยความรู้สึกผิด ถ้าเขาไปรับมาสะที่ห้อง หรือถ้าเขาเอาใจสักนิดเรื่องเวลา มาสะก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ยิ่งเห็นใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้ว ความโกรธที่มีอยู่ก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
“พวกแกบังอาจมากที่มาแตะต้องคนของฉัน” ไซน์พูดด้วนน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะกวาดมือไปในอากาศ พัดเอาร่างของชายหนุ่มทั้งสามคนพร้อมกับกล้องอีกหนึ่งตัว กระเด็นอัดกับกำแพงอย่างแรง คนหนึ่งสลบไปทันที ส่วนอีกสองคนนั้นนอนกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก และแน่นอนว่ากล้องวิดิโอเละไม่มีชิ้นดี ไซน์อยากจะเข้าไปซ้ำพวกนั้นให้ตายเหลือเกิน แต่ตอนนี้มาสะของเขาสำคัญกว่า
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไซน์อยู่นี่แล้ว ขอโทษนะที่มาช้า ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว...” ไซน์นำเสื้อของมาสะที่ตกอยู่ใกล้มาคลุมตัวก่อนดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด พร้อมกับปลอบประโลม

มาสะเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่คุ้นเคยก็โถมตัวเข้ากอดไซน์พร้อมกับร้องไห้โฮออกมาทันที เขารู้ว่าในอ้อมแขนนี้เขาจะปลอดภัย ในอ้อมแขนนี้จะไม่มีใครทำอันตรายใดๆเขาได้ เขาสามารถร้องไห้ได้อย่างไม่อายใครในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนนี้....

ตอนต่อไป >> ตอนที่ 15