วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รักนาย เจ้าชายปีศาจของฉัน(Yaoi) ตอนที่14: มารผจญ

ตอนที่14:
เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดแลกเปลี่ยนความหวานกันอย่างไม่สิ้นสุด ไซน์ละจากริมฝีปากที่ตอนนี้อิ่มแดงด้วยแรงสำผัสของเขา ก่อนค่อยๆไล้ริมฝีปากมาตามลำคอขาว ก่อนกดจูบทิ้งรอยแดงไว้บริเวณไหปลาร้า มือหนาที่เคยโอบประคองร่างบาง ค่อยๆล้วงสัมผัสเข้าไปภายในสาบเสื้อ ซึ่งสัมผัสนี้เองที่เรียกสติของของมาสะกลับมา มาสะสะดุ้งสุดตัวก่อนโพล่งออกมา
“ผมต้องไปเรียนแล้ว” ก่อนจะพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมแขนแกร่ง
“โดดเรียนไม่ได้เหรอ” ไซน์กระซิบอย่างเว้าวอน ทำเอามาสะเกือบใจอ่อน
“ไม่ได้หรอก ไว้ตอนเย็นได้มั้ย ไซน์รอผมอยู่ที่ห้องพยาบาลนะ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วผมจะมาหา” มาสะต่อรองก่อนจะพูดออกมาอีกประโยคที่แม้แต่ตัวเองที่เป็นคนพูดยังรู้สึกกระดากอายอย่างบอกไม่ถูก
“เย็นนี้ผมจะตามใจไซน์ทุกอย่างเลย”
“ทุกอย่างจริงเหรอ” มาสะพยักหน้ารับ โดยพยายามไม่ใส่ใจกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏบนใบหน้าของไซน์
“งั้นไปเรียนเถอะ ฉันจะรออยู่ที่ห้องพยาบาลนี่อย่างใจจดใจจ่อเลย” ไซน์ก้มลงกระซิบข้างหูมาสะ ก่อนจะขบเม้มใบหูหยอกเย้าเล่น
มาสะยกมือขึ้นปิดหูข้างนั้นอย่างตกใจ ก่อนจะเดินหน้าแดงออกจากห้องไป โดยพยายามทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของไซน์ที่ดังตามหลังมา ไม่อยากคิดเลยว่าเย็นนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
“อิซึกิ นายเข้าสายนะ ดีที่ว่าอาจารย์ยังไม่เข้า แล้วนายวิ่งมาจากไหนเนี่ยถึงได้แดงไปทั้งตัวแบบนี้” ไอโด้เอ่ยเสียงทักทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง
มาสะไม่ตอบเพียงแค่นั่งลงเงียบๆเท่านั้น ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยใบหน้ากลุ้มกลิ่มของไซน์ที่เห็นก่อนจากกันมา เย็นนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรบ้างเนี่ย ไม่น่าพูดแบบนั้นไปเลยจริงๆ
มาสะเริ่มเหม่อออกไปนอกหน้าต่างทันทีที่อาจารย์เข้ามาสอน พร้อมกับมือที่เผลอลูบแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างไม่รู้ตัว

“นี่เอาจริงเหรอ”
“เออสิ อุตส่าห์วางแผนมา ของก็เตรียมมาแล้วจะกลัวอะไรอีก”
“แต่ได้ยินมาว่าหมอนนั่นอยู่ชมรมคาราเต้ไม่ใช่เหรอ ถึงพักหลังจะไม่เคยเข้าชมรมเลย แต่ก็ได้ยินมาว่าฝีมือดีเอาเรื่องอยู่นา”
“กลัวอะไรตอนนี้มันกำลังไม่ค่อยสบาย ต้องตอนนี้แหละ หรือว่าพวกแกไม่อยากลอง เจ้าหญิงนิทราเชียวนะ ข่าวว่าหุ่นดีโคตร”
“เอาวะเรามีกันตั้งสามเอาเด็กตัวนิดเดียวไม่อยู่ก็ให้มันรู้ไป” เมื่อตกลงกันได้แล้วชายหนุ่มสามคนก็เคลื่อนตัวออกจากหลังอาคาร ซึ่งในเวลาเลิกเรียนแบบนี้แทบไม่มีคนเดินผ่าน
“วันนี้เจ้าหญิงเป็นเวรทำความสะอาดเดี๋ยวต้องผ่านทางนี้แน่นอน” หนึ่งในสองเอ่ยขึ้นก่อนค่อยๆซ่อนตัวบริเวณพุ่มไม้ใกล้ๆกับที่ทิ้งขยะ รอเพียงไม่นานคนที่พวกเขารอก็โผล่ออกมา พร้อมกับถังขยะในมือ
มาสะกำลังตื่นเต้น พอทิ้งขยะถังนี้เสร็จ เขาก็จะต้องไปหาไซน์แล้ว เขาทั้งตื่นเต้นและประหม่า ยิ่งพอคิดถึงเรื่องน่าอายที่ทำไปเมื่อตอนกลางวัน ใบหน้าก็ร้อนวูบ ไหนจะเรื่องที่ไปยอมไซน์อีก ไม่รู้เย็นนี้เขาจะเป็นยังไง
มาสะไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าขณะที่เขากำลังคิดกังวลเรื่องของไซน์อยู่ก็ได้มีบุคคลแปลกหน้าสองคนเดินมาที่ด้านหลังของเขาแล้ว
“ฮึบ! เอาล่ะเสร็จสักที” ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับนั้นเอง ก็มีมือปริศนาเข้ามาล็อกตัวเขาไว้ พร้อมๆกับผ้าสีขาวชื้นๆโปะมาที่จมูกของของ ก่อนที่มาสะจะทันได้ขัดขืนโลกทั้งใบก็ดับวูบลง
“เฮ้ยๆพอ เดี๋ยวเจ้าหญิงก็หลับไม่ตื่นหรอก หมดสนุกกันพอดี” ชายคนที่หนึ่งเข้ากระชากผ้าออกจากปากมาสะ
“ไม่ต้องห่วงว่าจะหมดสนุกหรอก ฉันผสมจางๆ อีกสักครึ่งชั่วโมงก็น่าจะฟื้นแล้ว เอาล่ะมาช่วยกันแบกไปรอที่ห้องเก็บอุปกรณ์ดีกว่า”

“อิมาอิ ฝากทิ้งขยะด้วยนะ พวกเราไปก่อนนะ”
“ได้ๆ แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้” อิมาอิ เรียว โบกมือลาเพื่อนๆ ก่อนค่อยๆหอบถังขยะขึ้น แล้วเดินไปทางที่ทิ้งขยะหลังอาคาร แต่ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงจุดหมายสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่าง
นั่นมันเด็กที่ลงประกวดแล้วได้รางวัลกับเขานี่นา คนที่ได้ฉายาว่าเจ้าหญิงนิทรา ทำไมโดนพวกปี3แบกไปล่ะ หรือว่าเป็นลมอีก แต่คนพวกนั้นมัน...
ด้วยความสงสัยเขาจึงเริ่มสะกดรอยตามไปห่างๆ แล้วคนกลุ่มนั้นก็ไปหยุดในอาคารเก็บอุปกรณ์กีฬา
อาคารเก็บอุปกรณ์กีฬาเป็นอาคารเล็กๆที่สร้างอยู่นอกตึกเรียน ไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์กีฬาตามชื่อของมัน ในเวลาเลิกเรียนแบบนี้จะไม่มีคนเดินผ่าน ยิ่งเวลาที่ชมรมทั้งหลายต่างพากันเลิกหมดแล้วด้วย อีกสักพักก็น่าจะมีอาจารย์มาล็อกห้อง พวกนั้นน่าสงสัยจริงๆ พาเด็กคนนั้นมาที่แบบนี้ทำไมกัน เขาจึงตัดสินใจเดินไปที่หน้าห้องเก็บของเพื่อฟังบทสนทนาข้างใน
“มัดมือไว้ก่อน เดี๋ยวตื่นขึ้นมาจะได้จัดการง่ายๆ”
คำพูดส่อแววไม่ดีทำให้อิมาอิตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป  แล้วสิ่งที่เห็นก็สร้างความตกใจให้กับเขามาก
เขาเห็นรุ่นน้องของเขาถูกมัดมือไว้กับเสาที่ปกติมีไว้ขึงเน็ตวอลเล่บอล กระดุมเสื้อนักเรียนบางส่วนถูกปลดออกเผยหน้าอกแบนราบ ขาวเนียน เขาจำได้ว่าทั้งสองคนเป็นเด็กห้องข้างๆเขาที่ขึ้นชื่อไม่ดีเรื่อง ทั้งทะเลาะวิวาท เที่ยวผู้หญิง สูบบุหรี่ กินเหล้า ไม่เคยตั้งใจเรียน...
“นี่พวกนายทำอะไรกันน่ะ” อิมาอิตะโกนเสียงดัง ด้วยหวังว่าเสียงของเขาจะสามารถปลุกรุ่นน้องคนนั้นให้ตื่นมารับรู้สภาพของตัวเอง
“ดูก็น่าจะรู้นี่ ก็กำลังจะเปิดซิงคนที่ได้ชื่อว่าเจ้าหญิงนิทราไง พ่อนักเรียนดีเด่นอยากลองด้วยกันมั้ยล่ะ” ชายคนหนึ่งหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้เขาอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ แถมมือก็ยังคงปฏิบัติการปลดกระดุมเสื้อของร่างบางที่ยังคงหลับไม่ได้สติต่อไป
“พวกนายทำแบบนั้นมันผิดรู้มั้ยฉันว่าเลิกดีกว่า ถ้าเด็กคนนั้นแจ้งตำรวจล่ะก็พวกนายหมดอนาคตเลยนะ”
“ถ้ามันกล้าไปแจ้งล่ะก็นะ” ชายอีกคนกล่าวขึ้นพร้อมกับชูกล้องวิดิโอขึ้นมาโบกให้อิมาอิดู
“พวกนายนี่มัน จะไม่ปล่อยเด็กคนนั้นใช่มั้ย งั้นฉันจะช่ว.....” อิมาอิกล่าวอย่างโกรธเคือง แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรนั้น ท้ายทอยของเขาก็รับรู้ได้ถึงแรงกระแทกอย่างแรง ก่อนภาพตรงหน้าจะดับวูบไป
“เฮ้ยๆ ไปตีมันแบบนั้นเกิดมันตายขึ้นมาจะว่ายังไง” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงดังออกมาจากปากของชายคนเดิมที่ถือกล้อง เอ่ยกับชายอีกคนที่เข้ามาใหม่ทางประตู
“มือชั้นนี้แล้ว ฉันกะแรงได้น่าว่าแค่ไหนถึงตาย เออใช่ฉันไปเอากุญแจห้องนี้มาแล้วนะ เราใช้ที่นี่ได้นานเท่าที่ต้องการเลยล่ะ หึหึ แล้วก็จับเจ้าอิมาอิมัดแล้วถ่ายรูปแบล็กเมลไว้ดีกว่า กันมันเอาเรื่องของพวกเราไปโพนทะนา” สิ้นคำพูดของผู้มาใหม่ ทั้งสองคนก็จับอิมาอิมัดแล้วนำไปไว้ตรงมุมมุมหนึ่งของห้อง
ส่วนชายอีกคนก็จัดการแก้มือของมาสะออกจากเสา แต่มือทั้งสองข้างก็ยังถูกมัดอยู่ แล้วก็อุ้มมาสะให้มานั่งตักของอิมาอิ ก่อนจัดท่าทางให้ซบกัน
รูปที่ถ่ายออกมาดูน่าหวาดเสียวมาก เพราะไม่ว่าจะดูมุมไหนก็จะเห็นเป็น อิมาอิ เรียว นักเรียนดีเด่นของโรงเรียน กำลังโอบกอดซุกไซร้เด็กผู้ชายร่างเล็กผิวขาวเนียนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ดูยังไงก็เหมือนว่าทั้งสองกำลังจะเริ่มความสัมพันธ์สวาทกันอยู่
“ได้รูปแล้วเอากลับไปมัดเสาเหมือนเดิมมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ตรงนั้นดีกว่า ตรงเบาะรองพื้นของพวกชมรมยิมนาสติก ตรงนั้นน่าจะดีกว่า” เมื่อตกลงกันได้ทั้งสามคนก็พาตัวมาสะมานอนตรงเบาะรองขนาดใหญ่ ก่อนค่อยๆปลดเสื้อผ้าที่เหลือบนร่างของมาสะออกจนเหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวบางแค่ตัวเดียว
“ให้ตายสิ หุ่นน่ากินเป็นบ้า เมื่อไหร่มันจะตื่นวะ จะเอาตอนหลับๆแบบนี้มันไม่เร้าใจ ต้องดิ้นๆสิถึงจะโดน”
“อีกไม่นานหรอก นี่มันก็นอนมานานแล้ว คงไม่เกิน10นาที...” พูกยังไม่ทันขาดคำร่างบางที่นอนอยู่ตรงกลางระหว่างคนสามคนก็มีปฏิกิริยาขึ้น
“เฮ้ยๆขยับแล้ว เอาเลยได้มั้น อยากว่ะ”
“ใจร้อนจริงพวก เจ้าหญิงยังไม่ลืมตาเลย”
เสียงพูดคุยฟังแปลกหูที่ดังตลอดเวลาเรียกสติของมาสะให้ตื่นขึ้น เกิดอะไรกับเขานะ จำได้ว่าเขาเอาขยะมาทิ้งแล้วจากนั้นก็...โดนคนโปะยาสลบ!? พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเจออะไรมาดวงตาที่ปิดสนิทก็เบิกโพลง
“ตื่นแล้วโว้ยๆ ไม่รอแล้ว..” เสียงเสียงพูดมาสะก็รับรู้ได้ถึงน้ำหนักของใครบางคนที่โถมเข้ามาพร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นที่ซอกคอขาว
“ทำอะไรน่ะ นี่มันอะไรกันหยุดนะ ปล่อยผม พวกคุณเป็นใครเนี่ย!” มาสะโวยวายสียงดัง พร้อมกับพยายามดิ้นหนีสำผัสน่ารังเกียจที่คุกคามเขา ข้อมือที่ถึงจะถูกมัดแต่ก็พยายามที่จะดันหัวของคนไร้มารยาทออกไป
“ก็บอกแล้วไงว่าให้มัดเสา เห็นมั้ยว่ามือมันเกะกะ แล้วก็นะเจ้าหญิงยอมซะดีๆเถอะน่า” ชายอีกคนจัดการจับข้อมือของมาสะกดลงที่เหนือศีรษะ ก่อนจะค่อยๆจ่อกล้องไปที่ใบหน้าของมาสะ ก่อนจะค่อนๆเลื่อนลงไปถ่ายการกระทำของเพื่อนตนที่ยังคงไม่ละออกจากซอกคอขาว
“หยุดนะปล่อยผม จะทำอะไรน่ะ!” มาสะยังคงโวยวายพร้อมกับดิ้นสุดแรงก่อนรู้สึกถึงการลวนลามที่ช่วงล่างของเขา เท้าที่ยังคงเป็นอิสระจัดการถีบไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นอย่างสุดแรง
“โอย ถีบมาได้นะ” ชายที่โดนถีบร้องโอดโอยก่อนกดขาทั้งสองข้างของมาสะลง พร้อมกับทิ้งน้ำหนักตัวทับขาทั้งสองข้างไว้ ทำให้ตอนนี้มาสะไม่สามารถดิ้นได้อีกแล้ว
“แสบนักนะเดี๋ยวจะจัดการให้เห็นสวรรค์เอง” ชายคนนั้นจัดการดึงปราการด่านสุดท้ายของมาสะออก ก่อนจัดการปลุกเร้าอารมณ์ทันที
“ม่าย!!! หยุดนะ...ปล่อยผม...ฮืออ..อึก...ปล่อยผม...ใครก็ได้...ช่วยด้วย..ฮือ”  เสียงพูดคุยบวกเสียงตะโกน เรียกสติของอิมาอิให้กลับมาเรื่อยๆพร้อมกับอาการเจ็บแปรบที่ท้ายทอย เสียงร้องไห้ อิมาอิเงยหน้าขึ้นไปมองทางต้นเสียง ภาพที่ดูเบลอๆค่อยๆชัดขึ้นตามลำดับ และสิ่งที่เห็นทำให้เขานึกเรื่องที่เกิดขึ้นออกทันที
“ไอ้บวกบ้า ปล่อยน้องเขาไปนะ ไอ้ชั่วเอ้ย!..” อิมาอิพยายามตะโกนด่าสารพัดแต่ทั้งสามคนนั้นก็ดูจะไม่มีใครสนใจเขาเลย
“เจ้าอิมาอิดันตื่นซะได้โวยวายน่ารำคาญจริง นี่เจ้าหญิงไอ้สองตัวนั้นทำให้ตั้งขนาดนั้นแล้วทำให้ฉันบ้างสิ” ชายอีกคนจัดการวางกล้องลงข้างๆ แต่แน่นอนว่ากล้องยังคงถ่ายมาที่ใบหน้าของมาสะที่ตอนนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นให้หยุดอยู่ตลอด ชายคนนั้นจัดการจับใบหน้าของมาสะให้หันมาทางตน ทำให้ใบหน้าของมาสะอยู่ตรงเป้าของคนตรงหน้าพอดี
และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือชายคนนั้นกำลังรูดซิบกางเกงลง! ไม่นะ! ไม่เอา ใครก็ได้ ไซน์ ช่วยผมด้วย!!!
“ฮือ..ไซน์...ช่วยผมด้วย...ไซน์..”

ห้องพยาบาล
ไซน์กำลังนั่งผิวปากอย่างอารมณ์ดี วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกมีความสุขที่สุดตั้งแต่จำความได้ รออีกไม่นานมาสะก็จะมาหาเขาแล้ว อีกไม่นานเขากับมาสะก็จะได้เป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริง เขาไม่เคยคิดเลยว่าการรักใครสักคน แล้วคนคนนั้นเองก็รักเรา มันจะทำให้มความสุขได้มากขนาดนี้ มิน่าล่ะพ่อกับแม่เขาถึงได้ขยันมีน้องแบบนี้
ไซน์เหลือบมองนาฬิกา นี่มันเลยเวลาปกติมาพักหนึ่งแล้ว แต่วันนี้มาสะเป็นเวรทำความสะอาด จะช้านิดหน่อยก็คงไม่แปลก หรือไม่ก็อาจจะเขินจนไม่กล้ามาเจอเขาก็ได้ มุมปากยกขึ้นทันทีที่ความคิดนี้เข้ามาในหัว หึ นี่เขาคิดถึงแต่มาสะอีกแล้ว ไซน์เอามือก่ายหน้าผากกับความคิดของตัวเอง แต่ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มไม่เลิก
...ฮือ...ไซน์....ฮือ...ช่วยผมด้วย...ฮือๆ...ไซน์...
ร้อยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าหุบลงทันที พร้อมกับดวงตาที่ทอประกายโกรธเกรี้ยว เมื่อเสียงของคนที่เขากำลังคิดถึงเข้ามาในหัว ใครมันบังอาจมาทำให้มาสะของเขาต้องร้องไห้!!!!

“อะไรกัน เจ้าหญิงไม่ยอมให้ความร่วมมือเลย แล้วเมื่อกี้ร้องให้ใครช่วยนะ อาจารย์ห้องพยาบาลคนนั้นน่ะเหรอ” มาสะหลับตาร้องไห้อย่างไม่ต้องการจะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตน ในใจก็ร้องเรียกหาแต่ไซน์ ....ฮือ..ไซน์...ช่วยผมด้วย
“เฮ้ยเอายานั่นไปไว้ไหนวะ ดูเจ้าหญิงของแกดิ ตายด้านป่าววะ ทำตั้งนานไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย”
“ดูในกระเป๋าเอาเองดิ” ชายอีกคนตอบ ตอนนี้เขาละจากลำคอขาวลงมาที่หน้าอกเนียนแทนแล้ว
“เฮ้อยพวกแกจะเอายาอะไรไปให้น้องเขาน่ะ นี่! ปล่อยนะโว้ย ไอ้พวกสารเลว” อิมาอิก็ยังคงดิ้นรนพร้อมทั้งโวยวายต่อไปอย่างไม่เป็นผล
“โวยวายไปก็เท่านั้น ยานี่เหรอ ก็ยาปลุกไง เจ้าหญิงจะได้เห็นสรวงสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยละ” ชายคนนั้นพูดพร้อมชูขวดยาขึ้นมาให้อิมาอิดู ก่อนจัดการโยนขวดไปให้ชายเจ้าของกล้องที่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำให้มาสะยอมอ้าปากได้
“บีบจมูกแล้วจัดการกรอกยาเลย จะได้สนุกกว่านี้หน่อย นี่อะไรทำตั้งนานยังไม่แข็งเลย” ชายคนนั้นรับขวดยามาอย่างว่าง่าย ก่อนจะจัดการบีบจมูกของมาสะเอาไว้ตามที่ถูกสั่ง ก่อนก้มลงกระซิบข้างหู
“ดูซิ ไม่มีอากาศหายใจแล้วจะทนได้นานแค่ไหน” มาสะอยากจะกรีดร้องโวยวายจริงๆ แค่สัมผัสน่าขยะแขยงพวกนั้นยังไม่พออีกเหรอ จะมาทรมานเขาอีกทำไม ฮือ....ไซน์อยู่ไหน ช่วยผมด้วย.....
ถึงจะพยายามกลั้นหายใจมากแค่ไหนแต่ตัวของมาสะเองตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ทันทีที่อ้าปากเพื่อสูดเอาอากาศ ขวดที่บรรจุของเหลวรสชาติไม่คุ้นลิ้นก็ถูกจ่อเข้ามาทันที
“กลืนเข้าไปให้หมดไม่งั้นอย่าหวังจะได้หายใจเลย” ถึงจะไม่อยากกลืนสักแค่ไหน แต่อาการสำลัก ก็ทำให้ของเหลวนั้นลงคอไปหลายอึกอยู่ อีกทั้งยังหกเลอะทั่วใบหน้าอีกด้วย
“แค่กๆ...อึก” พออาการสำลักเริ่มทุเลาลง มาสะก็ถูกจับกรอกยาอีกครั้ง ดูเหมือนคนพวกนี้จะเริ่มหมดความอดทนกับเขาแล้ว เพราะมาสะรับรู้ได้ถึงแรงบีบที่ขากรรไกร พร้อมกับยาที่ถูกกรอกลงคออย่างไม่ปราณี
“ทีนี้จะได้สนุกกันจริงๆซะที..”
“สนุกมากเลยเหรอ” น้ำเสียงไม่คุ้นดังขึ้นทำให้ทั้งสามคนสะดุ้งตกใจ มาสะพยายามลืมตาขึ้นมองเมื่อกระแสเสียงคุ้นหอเข้ากระทบโสประสาท ทั้งที่ยังมีอาการสำลักน้ำอยู่
“เฮ้ย! เข้ามาตอนไหนวะ”
“..ไ...ไซน์..แค่กๆ..” เสียงเรียกเบาๆดังจากริมฝีปากของร่างบาง ไซน์มองร่างที่เปลือยเปล่าของร่างบางด้วยความรู้สึกผิด ถ้าเขาไปรับมาสะที่ห้อง หรือถ้าเขาเอาใจสักนิดเรื่องเวลา มาสะก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ยิ่งเห็นใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้ว ความโกรธที่มีอยู่ก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
“พวกแกบังอาจมากที่มาแตะต้องคนของฉัน” ไซน์พูดด้วนน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะกวาดมือไปในอากาศ พัดเอาร่างของชายหนุ่มทั้งสามคนพร้อมกับกล้องอีกหนึ่งตัว กระเด็นอัดกับกำแพงอย่างแรง คนหนึ่งสลบไปทันที ส่วนอีกสองคนนั้นนอนกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก และแน่นอนว่ากล้องวิดิโอเละไม่มีชิ้นดี ไซน์อยากจะเข้าไปซ้ำพวกนั้นให้ตายเหลือเกิน แต่ตอนนี้มาสะของเขาสำคัญกว่า
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไซน์อยู่นี่แล้ว ขอโทษนะที่มาช้า ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว...” ไซน์นำเสื้อของมาสะที่ตกอยู่ใกล้มาคลุมตัวก่อนดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด พร้อมกับปลอบประโลม

มาสะเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่คุ้นเคยก็โถมตัวเข้ากอดไซน์พร้อมกับร้องไห้โฮออกมาทันที เขารู้ว่าในอ้อมแขนนี้เขาจะปลอดภัย ในอ้อมแขนนี้จะไม่มีใครทำอันตรายใดๆเขาได้ เขาสามารถร้องไห้ได้อย่างไม่อายใครในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนนี้....

ตอนต่อไป >> ตอนที่ 15

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น