วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รักนาย เจ้าชายปีศาจของฉัน(Yaoi) ตอนที่12: อาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่

ตอนที่12: อาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่
“มาสะ...ตื่นเถอะ นี่สายแล้วนะ....ถ้าไม่ตื่นถูกทำโทษจริงๆด้วย..” เช้านี้ก็เป็นอย่างเช่นทุกวัน เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยปลุกซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะถูกอีกฝ่ายกระทำจนต้องยอมลืมตาตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่อย่างงัวเงีย ค้อนใส่นิดหน่อยพอเป็นพิธี ก่อนจะจำใจเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับรสเค็มปร่าที่ยังตกค้างอยู่ในปาก

หลังอาบน้ำเสร็จก็จะมีกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอลอยมาจากห้องครัว และเมื่อเดินเข้าไปในห้องครัวก็จะพบอาหารเช้าหน้าตาน่ากินวางเรียงอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับรอยยิ้มต้อนรับของคนที่ปลุกเขาตอนเช้า ทานอาหารเช้าไปพลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระเล็กๆน้อยๆ

เป็นแบบนี้ทุกๆวัน หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จเจ้าตัวก็จะไปส่งเขาที่หน้าประตูบ้านเพื่อไปเรียนพร้อมรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า

พอตกเย็นก็กลับมาเจอกันที่บ้าน หรือบางวันซึ่งก็ค่อนข้างบ่อยที่คนตรงหน้าจะนึกครึ้มไปรับเขากลับบ้านถึงที่หน้าประตูโรงเรียน แต่วันนี้มีบ่างอย่างเปลี่ยนไป มันไม่เป็นอย่างที่เป็นมาตลอดทั้งอาทิตย์!

“มาสะ วันนี้เราเดินไปโรงเรียนด้วยกันนะ” ไซน์พูดขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารเช้า

“เอ๋ วันนี้นึกยังไงถึงอยากไปส่งผมล่ะครับ” มาสะถามกลับพร้อมส่งอาหารเช้าเข้าปากไปอีกคำ

“พอดีว่าที่ทำงานไปทางเดียวกันน่ะ” มาสะผงกหัวรับรู้ เขาทราบมาพักหนึ่งแล้วว่าไซน์กำลังหางานทำ ไซน์บอกว่ารู้สึกละอายนิดหน่อยท่าเบียดเบียนเงินของมาสะ ไหนๆก็อยู่ด้วยกันแล้วเลยคิดจะช่วยหาเงินเข้าบ้านด้วยอีกแรงด้วยการหางานทำที่โลกมนุษย์

“จริงเหรอ ยินดีด้วยนะครับ ว่าแต่ได้งานอะไรเหรอ”

“งานแถวๆโรงเรียนน่ะ เดี๋ยวไปถึงแล้วจะชี้ให้ดู” ไซน์อมยิ้มนิดๆก่อนจัดการเก็บจานชามลงไปในอ่าง

“ไปโรงเรียนกันเถอะ” ไซน์ออกเดินนำมาสะไป

ระหว่างทางไปโรงเรียนไม่มีใครพูดอะไรกันแม้แต่น้อย มาสะจ้องมองแผ่นหลังของคนที่เดินนำหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจ ความรู้สึกที่เขาไม่สามารถอธิบายได้

เขารู้ว่าเวลาของเขาคงเหลือไม่มากนัก มาสะบอกตัวเองเสมอว่า ควรใช้เวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้เพราะเขามักจะผลอยหลับไปโดยไม่ตั้งใจทุกครั้ง คงจะมีก็แต่ตอนที่อยู่กับไซน์ล่ะมั้งที่เขาตื่นเต็มตาไร้ซึ่งความง่วงงุน...

ความคิดมากมายทั้งหลายต้องหยุดลงเมื่อประตูรั้วโรงเรียนปรากฏสู่สายตา

“งั้นผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ” มาสะหันไปลาไซน์ก่อนรีบมุ่งเข้าโรงเรียนไปโดยลืมเรื่องงานที่ไซน์บอกจะชี้ให้เขาดูไปเสียสนิท

และด้วยความรีบร้อนจึงไม่ได้สังเกตว่าไซน์เองก็เดินตามเขาเข้าโรงเรียนมาเช่นกัน มาสะเลี้ยวซ้ายมุ่งสู่ห้องเรียนของตนอย่างรวดเร็ว คงเพราะเวลาเข้าเรียนได้กระชั้นเข้ามาทุกที ในขณะที่ไซน์กลับเดินสบายๆไปทางปีกขวาของอาคาร และเดินตรงไปยังห้องที่เขาเคยเข้ามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนงานโรงเรียน ห้องที่มีป้านติดอยู่ว่า ห้องหยาบาล

“สวัสดีครับ คุณคงเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่สินะ” ทันทีที่ไซน์เปิดประตู เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา

“ไซน์ เอล วาลาลเช่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ จะมาเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ไซน์แนะนำตัวเล็กจ้อยพอเป็นพิธี

“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ผม คิริยะ สอนภาษาญี่ปุ่นครับ ถ้ายังไงผมยกหน้าที่ในห้องนี้ให้คุณเลยแล้วกันนะครับ พอดีผมมีสอนต่อ คงต้องขอตัวก่อน” อาจารย์คิริยะกล่าวลาก่อนปล่อยทิ้งให้ไซน์อยู่ในห้องพยาบาลคนเดียว

ห้องพยาบาลที่หลังจากเกิดเหตคราวที่แล้วก็ไม่ค่อยมีคนแวะเวียนมาเท่าไหร่ มีอาจารย์ที่ว่างผลัดกันมาเฝ้า ไซน์มองไปรอบๆห้องที่บัดนี้กลับมาขาวสะอาดอีกครั้ง หลังจากที่ถูกทำให้สกปรกเมื่อครั้งที่แล้ว หลังจากสำรวจห้องพยาบาลจนทั่วและมั่นใจว่าสิ่งของอยู่ในที่ๆเขาสามารถเข้าถึงได้แล้ว ไซน์ก็นั่งเอกขเนกบนเก้าประจำตัวอย่างสบายอารมณ์

“ตอนนี้ก็ว่างจนกว่าจะมีคนบาดเจ็บมาให้รักษาสินะ อาจารย์ห้องพยาบาลนี่ก็สบายดีเหมือนกันนะ...” ไซน์พึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนเงียบเสียงลงเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากมุมมืดด้านใต้โต๊ะ

“..ท่านไซน์ องค์ราชินีมีข้อความถึงท่านว่า ถึงท่านจะหนีงานเลี้ยงคราวที่แล้วได้แต่ก็ไม่สามารถหนีหน้าที่นี้ได้หรอกนะ ขอรับ” เสียงแหบแห้งเงียบไปก่อนเงาดำมืดค่อยๆดูเจือจางลง

“นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องคุยกับมาสะ แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องคุยเรื่องเวลาที่มันกระชั้นนี่ก่อนสินะ” ไซน์ครุ่นคริดก่อนมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆบดบัง ทั้งๆที่น่าจะเป็นวันที่ดี แต่เขากลับมีเรื่องให้คิดถึงสองเรื่อง ไหนจะเรื่องของมาสะ ไหนจะเรื่องหน้าที่ที่ท่านแม่สั่งมาอีก...

แต่ความคิดทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อมีเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากทางประตู

สงสัยจะมีใครเป็นอะไรไซน์คิดก่อนละสายตาจากวิวตรงหน้าต่างมาที่ประตูแทน แต่แล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขา กลับทำให้เขาใจหายวาบ มือไม้เย็นเฉียบลงทันใด นี่มันเร็วกว่าที่เขาคาดไว้!

“อาจารย์ครับช่วยอิซึกิหน่อยหมอนี่หลับไม่รู้สึกตัวเลย ปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น!!!


ย้อนกลับไป30นาทีก่อน


“ไอโด้”

“มาครับ”

“มาจิดะ”

“มาค่ะ”

เสียงเช็คชื่อยามเช้าประจำห้องปี2ห้อง3 ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอออกจากปากของอาจารย์คุโรคาวะที่ก้มอ่านรายชื่อของนักเรียนเหมือนยามเช้าของทุกวัน

“อิซึกิ”

“.....”

“อิซึกิ มาซาฮิโกะ”

“.....”

เมื่อไม่มีเสียงขานรับ อาจารย์คุโรคาวะจึงจำใจต้องละสายตาจากรายชื่อนักเรียนก่อนทอดสายตาไปยังที่นั่งของมาสะ และสิ่งที่เห็นก็คือ เจ้าของชื่อนั้นกำลังฟุบหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโต๊ะ อย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

“เฮ้อ หลับอีกแล้วเหรอ” อาจารย์คุโรคาวะได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเช็คให้มาสะ มา แล้วจึงเริ่มเรียกชื่อนักเรียนคนอื่นต่อไปโดยที่แอบเหลือบมองนักเรียนที่กล้าหลับตั้งแต่ยังไม่เริ่มเรียนคาบแรก เป็นระยะๆ

“เอาล่ะ จะหมดโฮมรูมแล้ว คาบแรกเป็นวิชาพละสินะ เดี๋ยวครูจะให้เวลาที่เหลือพวกเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า ใครก็ได้ปลุกอิซึกิที เดี๋ยวจะไม่ได้ไปเรียน” สิ้นเสียงของอาจารย์คุโรคาวะ ไอโด้ที่นั่งอยู่ใกล้มาสะที่สุดจึงลุกจากที่นั่งไปปลุกมาสะ

ตอนนี้คนเกือบทั้งห้องรู้ว่าแค่เรียกเฉยๆ คนๆนี้ไม่มีทางตื่นแน่นอน เพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่อาจารย์สอนภาษาอังกฤษไม่พอใจที่มาสะหลับในคาบของเขา จนลุกไปตะคอกใส่มาสะเสียงดังตรงหน้าโต๊ะเลย แต่มาสะก็ยังหลับต่อไปโดยไม่มีทีท่าเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย จนอาจารย์คนนั้นยอมแพ้แล้วปล่อยไป

“อิซึกิ อิซึกิ ตื่นได้แล้วจะได้ไปเรียนพละกัน” ไอโด้เขย่ามาสะพร้อมกับร้องเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปกติถ้าเขย่าแรงๆสัก3-4ทีคนตรงหน้าเข้าก็จะตื่นขึ้นมา แต่ครั้งนี้ทำไม...

“เฮ้ย อิซึกิ ตื่นสิ!” ไอโด้ตะโกนเสียงดังพร้อมกับเพิ่มแรงเขย่า แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่น เขาได้ยินมาว่าช่วงนี้หมอนี่ไม่ค่อยสบาย เลยนอนแทบตลอดเวลา ยิ่งห้องพยาบาลยังไม่มีอาจารย์คนใหม่มาประจำ เลยไม่มีใครบังคับให้อิซึกิไปนอนนั่น และก็ปล่อยให้หมอนี่นอนในห้องเรียนไป แต่นี่มันแปลกแล้วนะ เขารู้สึกใจไม่ดีเลย นี่เขาเขย่าจนคนตรงหน้าจะล่วงจากเก้าอี้แล้วนะ แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลยแม้แต่น้อย

เสียงตะโกนของโด้เรียกความสนใจจากคนทั้งห้องให้พุ่งมายังทั้งคู่ แต่ไอโด้ร้อนใจเกินกว่าจะสนสายตาพวกนั้น เขาพยายามเขย่าร่างเพื่อนตัวเล็กของเขาแรงขึ้น แรงขึ้น

“เดี๋ยวไอโด้หยุดก่อน เดี๋ยวครูดูให้เอง” อาจารย์คุโรคาวะกล่าวขึ้นเมื่อเห็นท่าจะไม่ดีแล้ว แต่เสียงของอาจารย์ที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้นทำให้ไอโด้เผลอปล่อยมือจากตัวของมาสะ จนร่างเล็กล่วงลงมากองอยู่กับพื้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจให้กับทุกคนในห้องเป็นอย่างมาก เพราะขนาดว่าล่วงลงมากองกับพื้นแล้ว เจ้าตัวก็ไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นมาเลย

“ทุกคนเตรียมตัวไปเรียนต่อ เดี๋ยวครูจะดูแลอิซึกิเอง” อาจารย์คุโรคาวะกล่าวกับนักเรียนในห้องก่อนจะจัดการช้อนตัวมาสะขึ้นมาจากพื้นห้อง

“อาจารย์จะพาอิซึกิไปไหนเหรอครับ โรงพยาบาลเหรอ” ไอโด้ถามอย่างเป็นห่วง ที่ตกลงมาเมื่อกี้คงไม่ทำให้อิซึกิเป็นอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่หรอกนะ

“ห้องพยาบาลมีอาจารย์คนใหม่มาประจำแล้ว ให้เขาดูอาการก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะต้องส่งโรงพยาบาลรึเปล่า” อาจารย์คุโรคาวะตอบก่อนรีบเดินออกจากห้องไป

“ผมไปด้วยครับ” หลังจากยืนอึ้งไปพักหนึ่งไอโด้ก็รีบพุ่งตามอาจารย์ออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงเสียงคุยเซ็งแซ่ไปทั่วห้องถึงอาการของเพื่อนร่วมห้องของพวกเขา


กลับมาปัจจุบัน

“อาจารย์ครับช่วยอิซึกิหน่อยหมอนี่หลับไม่รู้สึกตัวเลย ปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น” ทันทีที่มาถึงห้องพยาบาล ไอโด้ก็จัดการเปิดประตูให้อาจารย์คุโรคาวะที่อุ้มมาสะ แล้วจัดแจงอธิบายอาการต่างๆให้อาจารย์คนใหม่ฟัง พลางช่วยอาจารย์คุโรคาวะที่กำลังวางมาสะลงบนเตียงจัดแจงที่นอนให้เพื่อนของเขา พอเสร็จแล้วนั่นแหละเขาถึงเพิ่งเห็นอาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่!!!

“นาย!! ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้!” ไอโด้ตกใจตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้หน้าไซน์

“ฉันก็เป็นอาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่น่ะสิ เธอออกไปได้แล้วรบกวนการรักษาของฉัน” ไซน์เอ่อยไล่ไอโด้อย่างไม่ใส่ใจ เพราะตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่มาสะเพียงคนเดียว

“แต่...” ยังไม่ทันที่ไอโด้จะได้ค้านเสียงของอาจารย์คุโรคาวะก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน

“เธอไปเรียนเถอะไอโด้ เดี๋ยวครูดูอิซึกิให้เอง” อาจารย์คุโรคาวะกล่าวพลางดันหลังไอโด้ออกจากห้องพยาบาลไป ซึ่งไอโด้ก็ทำได้เพียงแค่เดินกลับไปเรียนเท่านั้น

เมื่ออาจารย์คุโรคาวะแน่ใจว่าไอโด้เดินห่างออกไปไกลแล้ว เขาก็จัดการปิดประตูลงกรอนห้องพยาบาลไว้ ก่อนหันมาพูดกับไซน์

“เวลาของเด็กคนนี้เหลือน้อยเหลือเกิน คุณจะซื้อเวลาเขาได้นานเท่าไหร่กันนะ” ไซน์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่จัดการกรีดแขนตัวเอง แล้วจ่อให้ของเหลวสีแดงไหลลงคอมาสะไปอย่างช้าๆ โดยไม่สนใจสายตาพราวระยับที่จับจ้องอยู่

“นี่ถึงขนาดลงทุนใช้เลือดของปีศาจชั้นสูงที่มีชื่อเรื่องพลังชีวิตช่วยแบบนี้ แสดงว่าคุณเองก็รับรู้ได้ถึงเวลาที่กระชั้นเข้ามาแล้วสินะ องค์ชาย แต่ถึงคุณจะทำแบบนั้นชีวิตของเด็กคนนี้ก็อยู่ได้อีกไม่นานอยู่ดี....”

“เงียบไปซะเจ้าลูกครึ่ง!!” เสียงอาจารย์คุโรคาวะหยุดลงเมื่อถูกไซน์ตวาดใส่ด้วยเสียงอันดังก้อง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามาสะเหลือเวลาไม่มากแล้ว เขาที่อยู่เคียงข้างมาสะมาตลอดเรื่องแค่นี้ทำไมเขาจะไม่รู้

“ก็เพราะผมเป็นลูกครึ่งน่ะสิ ผมจึงไม่จำเป็นต้องฟังที่คุณพูด องค์ชาย” อาจารย์คุโรคาวะกล่าวยิ้มๆ กับท่าทางขัดใจที่คนตรงหน้าจงใจแสดงออกมาให้เขาเห็น แต่ถึงจะหงุดหงิดอย่างไร แต่ดูเหมือนอารมณ์ห่วงที่มีต่อร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงจะมีมากกว่า

“อีกอย่างดูคุณจะมีใจให้กับนักเรียนของผมนะ นี่ถ้าตกลงแต่งงานกันไป ยังไงซะเด็กที่เกิดมาก็ไม่พ้นเป็นลูกครึ่งเหมือนผมอยู่แล้ว...” อาจารย์คุโรคาวะเงียบเสียงลงเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมา สายตาที่บ่งบอกถึงความรำคาญ แถมยังสื่อออกมาอีกว่า เมื่อไหร่จะหยุดพูดเสียที

อาจารย์คุโรคาวะเพียงแค่ยังไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะมองมาสะอย่างพินิจ แล้วจึงเอ่ยพูดกับไซน์อีกครั้ง

“เวลาของเด็กคนนี้ คำนวณกับพลังชีวิตที่ได้จากการให้เลือดของคุณทุกวัน เขาคงอยู่ได้อีกไม่เกิด 5 วันหรอก คุณควรจะให้เขาตัดสินใจได้แล้วนะว่า จะยอมตกลงมีชีวิตอยู่กับคุณไปอีกนานแสนนาน หรือกจะจบชีวิตลงเท่านี้ ตายจากไปโดยไม่สนใจความรู้สึกของคุณ หึหึ หรือถ้าเขาเลือกอย่างหลังจริงๆล่ะก็ คุณติดต่อผมได้นะ ถ้าอยากได้วิญญาณของเขาเก็บไว้ข้างกาย ถึงผมจะเป็นลูกครึ่งแต่ผมก็มีพลังของยมทูตเยอะอยู่เหมือนกัน” ทันทีที่เอ่ยจบอาจารย์คุโรคาวะก็เดินออกจากห้องพยาบาลไป ทิ้งให้สองนในห้องอยู่กันตามลำพัง

เขาไม่รู้จะรู้สึกสงสารหรือเห็นใจอิซึกิดีที่ต้องเกิดมาพร้อมๆกับการพัวพันของปีศาจ แถมยังมาเป็นที่ต้องตาต้องใจขององค์ชายอีก แต่ก็ยังดีที่ปีศาจมีชื่อเรื่องรักใครรักจริง ทีนี้ก็อยู่ที่ตัวของเด็กคนนั้นเท่านั้น ว่าจะยอมรับความรักจากองค์ชายหรือเปล่า ถ้าปฏิเสธไปล่ะก็ คนที่น่าสงสารสุดคงไม่พ้นเป็นตัวขององค์ชายเอง นี่แหละข้อเสียข้อเดียวของปิศาจเลือดบิสุทธิ์ เพราะความรักมีไว้เพื่อคนเพียงคนเดียวเท่านั้น

ไซน์ได้แต่เก็บความรู้สึกขุ่นเขี้ยวเอาไว้ในใจ เพราะที่เจ้าลูกครึ่งยมทูตนั่นพูดมาถูกทุกอย่าง เขาทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการทำให้มาสะยอมรับเขาเท่านั้น

สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือ ถ้ามาสะไม่ยอมรับเขาล่ะ ถ้ามาสะปฏิเสธเขา เขาจะต้องปล่อยให้คนตรงหน้าที่เป็นดั่งดวงใจตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นเหรอ

“อืม...ไซน์...ที่นี่ที่ไหนเหรอ” เสียงเอื้อนเอ่ยแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบจากร่างเล็กบนเตียงดึงความคิดของไซน์ให้กลับมา

“ห้องพยาบาลน่ะ วันนี้นอนอยู่ที่นี่นะ ไม่ต้องไปเรียนหรอก” ไซน์กล่าวพร้อมลูบศรีษะมาสะอย่างทะนุถนอม

“แล้วทำไมไซน์มาอยู่ที่นี่ล่ะครับ ไม่ไปทำงานเหรอ” มาสะถามกลับก่อนขยับรับสัมผัสจากฝ่ามือแกร่งที่แสนอบอุ่นอย่างไม่รู้ตัว

“ก็ที่นี่แหละห้องทำงานของฉัน” ไซน์ยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นสีหน้างงๆของมาสะ ก่อนอธิบายเพิ่ม

“ฉันทำงานเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่ของที่นี่น่ะ ต่อไปนี้จะได้อยู่กับมาสะบ่อยขึ้นไง” ไซน์แอบหยอกเล็กๆในตอนท้าย แต่มาสะเพียงแค่พยักหน้ารับเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเขายังตื่นไม่ค่อยเต็มตานัก

ไซน์ขยับมือที่ลูบศีรษะของมาสะให้เลื่อนลงมาตามใบหน้า ก่อนจะลูบไล้ใบหน้าของมาสะอย่างเผลอไผล ซึ่งการกระทำนั้นสร้างความแปลกใจให้มาสะอย่างมาก และเมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาสีม่วงคู่นั้น เขาก็ได้เห็น ประกายของความห่วงใยที่ล้นเหลือ และ ความเศร้า? พอเห็นแบบนั้นแล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหห้วงความคิด ความคิดที่สร้างความตระหนกให้แก่ตัวเองไม่น้อย มาสะโพล่งถามความคิดนั้นออกไปแทบในทันที

“เวลาของผมใกล้หมดแล้วใช่มั้ยครับ”

ไซน์ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนมือออกจากใบหน้าของมาสะ มาสะละสายตาจากดวงตาของไซน์ก่อนจะมองตามมือข้างนั้นไป แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่ออยู่ๆไซน์ก็โน้มตัวเข้ามากอดเขา

“ใช่แล้ว เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว” ไซน์กระซิบบอกกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นยิ่งขึ้น มาสะรับรู้ได้ถึงแรงสั่นเบาๆจากเจ้าของอ้อมกอด มาสะกอดไซน์ตอบราวกับต้องการให้กำลังใจไซน์และตัวของเขาเอง

ตลอดเวลาเกือบเดือนที่อยู่กับไซน์มา เขาไม่เคยเห็นไซน์แสดงความอ่อนแอแบบนี้ออกมาให้เห็นสักครั้ง ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ขึ้นในใจของมาสะอีกครั้ง เขาไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนี้ออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆ แต่สิ่งเดียวที่เขาบอกได้ตอนนี้คือ เขาอยากให้ไซน์กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิมมากกว่า

“อีกนานแค่ไหนครับ” มาสะตัดสินใจถามออกไปเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น ไซน์ขยับตัวเล็กน้อย และจัดการจัดท่าให้เขาสามารถนั่งได้อย่างสบายบนเตียงโดนที่เจ้าตัวก็ยังคงกอดมาสะอยู่ไม่ยอมปล่อย

“อีกไม่เกิน5วัน...”

“แล้วถ้าให้ผมกินของเหลวแปลกๆที่ไซน์ชอบแอบมาป้อนผมล่ะครับ” ก่อนที่ไซน์จะพูดเสร็จ มาสะก็ถามแทรกขึ้นมา ทำให้ไซน์แปลกใจนิดหน่อยที่มาสะรู้ว่าเขาแอบให้เลือด

5วันนี้รวมเวลาที่มาสะต้องดื่มเลือดฉันทุกวันแล้ว” ไซน์ตอบเสียงเรียบก่อนรอดูปฏิกิริยาของร่างบาง

“เอ่อ...ที่ให้ผมกินพักหลังมานี่คือเลือดของไซน์เหรอ!?” มาสะถามอย่างตกใจก่อนพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“ทำไมถึงเป็นเลือดล่ะ” ในลำคอของเขายังมีรสชาติของมันติดค้างอยู่เลย

“เลือดของปิศาจชั้นสูงจะมีพลังชีวิตสะสมอยู่ค่อนข้างมาก บวกกับการร่ายเวทเล็กน้อย จะทำให้มาสะตื่นเต็มตาไปได้พักใหญ่ๆ แต่ก็เพิ่มเวลาให้กับเธอได้ไม่มากนัก 5วันนี้เจ้าคุโรคาวะบอกว่ารวมเวลาให้เลือดไปแล้ว หมอนั่นมีเชื้อสายยมทูตอยู่ ไม่น่าจะคำนวนเรื่องพวกนี้พลาดหรอก”

“เอ๋ อาจารย์คุโรคาวะน่ะเหรอ.....ไม่น่าเชื่อ” ไม่อยากเชื่อเลยว่าอาจารย์ประจำชั้นที่ดูใจดีคนนั้นเป็นถึงยมทูต

“อืม แต่ก็เป็นแค่ลูกครึ่งล่ะนะ อย่าเพิ่งออกนอกเรื่องสิ มาว่าเรื่องของเราต่อดีกว่า มาสะมีเวลา4วันในการตัดสินใจ” ไซน์หยุดพูดก่อนสูดหายใจเข้าช้าๆ พยายามตั้งสติ ก่อนจะสบตามาสะอีกครั้งแล้วจึงพูดต่อ

“เวลา4วันกับการเลือกว่าจะมีชีวิตอยู่เคียงข้างฉัน หรือจะสละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป” ทันทีที่ประโยคหลังหลุดออกมาจากปาก ดวงตาสีม่วงสวยก็ฉายแววเศร้าโศก ทั้งยังมีแวววิงวอนราวกับจะขอร้องให้มาสะอยู่เคียงข้าง

“แล้วอีก1วันล่ะครับ”

“เผื่อว่ามาสะเลือกอยู่กับฉัน เราจะได้มีเวลาทำพิธีอย่างเพียงพอ แต่ถ้าเลือกอย่างหลัง วันสุดท้ายฉันจะตามใจเธอทุกอย่าง ถือเป็นของขวัญจากฉัน” ไซน์กล่าวก่อนค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปจุมพิตอย่างแผ่วเบา

“ผมจะเก็บไปคิดนะครับ” มาสะตอบก่อบซบหน้าลงกับไหล่ของไซน์อย่างต้องการที่พึ่ง แต่ก็ได้ไม่นานเมื่ออยู่ดีๆไซน์ก็ดันให้เขาลงไปนอน จุมพิตเบาๆอีกครั้งก่อนพูดกับเขาว่า

“นอนเอาแรงเถอะที่ง่วงแบบนี้ก็เพราะร่างกายต้องการเก็บรักษาพลังงานไว้ให้มากที่สุด ใช้เวลานี้ทบทวนเรื่องทั้งหมดดูอีกทีนะ” ไซน์พูดเพียงแค่นั้น แล้วจัดการห่มผ้าให้เขาก่อนดึงม่านกั้นเตียงคนไข้ให้ปิดลง ขณะที่มาสะกำลังครุ่นคิดเรื่องทั้งหมดจนใกล้จะหลับไปนั้น


เสียงประตูห้องพยาบาลก็เปิดออก พร้อมกับเสียงพูดคุยเบาๆของนักเรียนและไซน์ ที่เป็นเหมือนเสียงขับกล่อมมาสะให้หลับไปพร้อมกับความคิดโต้แย้งในหัว หยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก หรือจะรับข้อเสนอของไซน์ แล้วมีชีวิตอยู่โดยมีไซน์อยู่เคียงข้าง....



ตอนต่อไป>>> ตอนที่ 13

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น