วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รักนาย เจ้าชายปีศาจของฉัน(Yaoi) ตอนที่11 : จบงานประกวด

ตอนที่11

                ริมฝีปากบางที่เปล่งเรื่องราวของความทรงจำแสนหวานออกมา ทำเอาเหล่าบรรดากรรมการและผู้ชมเงียบฟังได้อย่างไม่น่าเชื่อ ร้อยยิ้มน่ารักกับสีหน้าแดงระเรื่อยามพูด ช่างชวนให้เชื่ออย่างสนิทใจ การซักถามของทั้งคู่จบลงในเวลาต่อมา เมื่อกลับมาถึงด้านหลังเวที แข้งขาที่เคยเดินได้อย่างมั่นคงก็ถึงกับทรุดลงทันที

                “อิซึกิ นายเป็นอะไรน่ะ” อาซาโนะถามออกมาอย่างตกใจ พร้อมๆกับทีมงานชั้นปี2ห้อง3ที่วิ่งเข้ามาดูด้วยเช่นกัน แต่ต้นเหตุของความตื่นตระหนกกับเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มน่ารัก ก่อนพูดว่า

                “ผมตื่นเต้นจนเข่าอ่อนไปหมดแล้ว” ได้ยินเจ้าตัวพูดแบบนั้นแล้วคนอื่นๆก็ถึงกับหลุดหัวเราะคิกคักออกมา

                “โถ่ ทำให้เป็นห่วงซะได้” อาซาโนะพูดขำก่อนจะฉุดมาสะขึ้นมาจากพื้น กับทีมงานบางส่วนที่เข้าไปช่วยมาสะจัดกระโปรงให้เข้าที่

                “แต่ว่าพวกนายสองคนตอบได้สุดยอดเลย นี่ขนาดไม่ได้เตรียมตัวเลยนะเนี่ย โดยเฉพาะนายอิซึกิตอนฟังนายพูดนี่ฉันล่ะเคลิ้มเลย” ทีมงานคนหนึ่งเอ่นชมขึ้นก่อนที่คนอื่นๆจะพากันชื่นชมการตอบคำถามของทั้งคู่

                “แต่ฉันว่าไม่น่าคิดเองได้ขนาดนั้น มันน่าจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง อิซึกินายมีความลับกับเพื่อนฝูงเหรอบอกมาสิว่าสาวที่ไหนเป็นเจ้าของแหวนวงนี้กันเอ่ย...” แน่นอนว่าคำพูดของอาซาโนะย่อมทำให้เกิดความโกลาหลขนาดย่อมขึ้นด้านหลังเวที มาสะพยายามหลบเลี่ยงการตอบคำถามด้วยการเงียบไม่ยอมพูด จะให้เขาพูดออกไปเหรอว่า ไม่มีสาวที่ไหนเป็นเจ้าของสร้อยหรอก เพราะคนที่ให้แหวนวงนี้มาเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นคนที่บอกทุกคนว่าเป็นญาตของเขาเมื่อเช้า จะให้เขาพูดไปได้ยังไงว่าไซน์มาขอเขาไปเป็นเจ้าสาวน่ะ พูดไม่ได้ ยังไงก็พูดไม่ได้เด็ดขาด!!!


                “ทำไมมายืนคนเดียวล่ะ ไม่ไปร่วมวงกับเข้าเหรอ” ไอโด้สะดุ้งสุดตัว ก่อนจะหันไปเห็นอาจารย์คุโรคาวะยืนยิ้มขบขันอยู่ด้านหลัง

                “ไม่ดีกว่าครับผมเข้าไปเดี๋ยวจะกร่อยซะเปล่าๆ” อาจารย์คุโรคาวะเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะมองลูกศิษย์ที่ปกติร่าเริงเวลา แต่วันนี้กลับดูแปลกไป

                “เธอทะเลาะกับอิซึกิเหรอ”

                “ไม่เชิงทะเลาะหรอกครับ แต่ผมรู้สึกว่าช่วงนี้ผมทำตัวไม่ค่อยดีกับเขา เลยเข้าหน้าไม่ค่อยติด..” ประโยคหลังค่อยๆเงียบลงราวกับเสียงงึมงำในลำคอ ทุกครั้งที่เขาถามอิซึกิเรื่องผู้ชายน่าสงสัยคนนั้น...ไซน์...เขาต้องเผลอขึ้นเสียงกับอิซึกิทุกทีว่าการให้ใครก็ไม่รู้ที่สุดแสนจะไม่น่าไว้วางใจนั่นมาอยู่ด้วยมันอันตรายมาก เขารู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนั้นมีกลิ่นไอที่อันตราย ความรู้สึกบอกเขาว่าผู้ชายคนนั้นมีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนทั่วไป

แต่หมอนั่นก็ไม่เคยเชื่อ แถมทุกครั้งก็แค่ยิ้มน้อยๆที่ดูเศร้าๆแล้วตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไรไซน์ไม่ทำร้ายผมหรอก  อย่างนี้ทุกครั้งไป แต่ไอโด้ไม่เคยได้ฟังเต็มๆว่าที่จริงแล้วมาสะพูดต่อจากนั้นอีก เพียงแต่คำพูดนั้นเขาพูดกับตัวเอง...ต่อให้ไซน์จะทำร้ายเขาจริงก็ไม่เป็นไรหรอก เขายินดี เพราะยังไงถ้าเทียบกับเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนี้มันก็คงไม่มากเกินไป...

                อาจารย์คุโรคาวะมองดูลูกศิษย์ในปกครองของตนเองด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนมือแกร่งจะเอื้อมไปลูบหัวเพื่อเรียกสติ

                “ครูเชื่อว่าอิซึกิเขาไม่ได้โกรธอะไรเธอหรอก ไม่เชื่อเธอลองเดินเข้าไปหาเขาดูสิ” ฝ่ามือแกร่งเปลี่ยนเป็นผลักดันแผ่นหลังเพรียวของไอโด้ให้เดินออกไป ขณะที่กำลังก้าวเดินอยู่นั้น ความรู้สึกหนึ่งก็ผุดขึ้นมา อาจารย์เองก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากคนทั่วไปเหมือนกัน แต่ไม่ได้รู้สึกอันตรายเหมือนหมอนั่น

                ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั่นเอง สายตาก็บังเอิญไปประสานเข้ากับมาสะพอดี

                “ไอโด้ช่วยผมด้วย พวกนี้คาดคั้นผมไม่ยอมปล่อยเลย” มาสะที่เห็นไอโด้ก็รีบวิ่งมาหลบด้านหลังทันที ไอโด้พอเห็นท่าทีของมาสะแล้วก็รับรู้ได้ว่าอาจารย์พูดถูกแล้ว ความกังวลที่เคยมีก็หายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้น

                “อะไรกัน ก็นายมีความลับกับพวกเราแบบนี้ก็ต้องคั้นกันเป็นธรรมดา” แน่นอนว่าพอมีไอโด้ร่วมด้วยคนอื่นๆมีเหรอที่จะยอมปล่อยมาสะไปแต่โดยดี เข้าล้อมมาสะเป็นวงกลมเพื่อกันไม่ให้หนีได้

                “ทุกคนใจร้าย” มาสะร้องออกมาอย่างจนใจ

                “อย่ามาอ้อนเสียให้ยาก ถึงวันนี้นายจะน่ารักเป็นพิเศษแต่เราก็ไม่ปล่อยนายไปง่ายๆแน่” เสียงหัวเราะของเหล่าเพื่อนๆที่ล้อมรอบทำให้เขาอดยิ้มออกมาหน่อยๆไม่ได้จริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้ เสียงพูดคุยหัวเราะเงียบลงเมื่อมีเสียงเสียงหนึ่งขัดขึ้นมา

                “เอาล่ะทุกคนเลิกแกล้งอิซึกิแล้วเตรียมตัวได้แล้ว คู่สุดท้ายออกไปตอบคำถามแล้ว” อาจารย์คุโรคาวะเอ่ยเตือน ซึ่งนักเรียนทุกคนก็ไห้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

                การประกวดยังคงดำเนินต่อไปโดยในช่วงหลังนี้เป็นการให้คะแนนภาคปฎิบัติ ซึ่งก็ผ่านไปด้วยดี แม้จะเกิดการติดขัดระหว่างแข่งขันบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีผู้เข้าประกวดคนใดแปลกใจกับบททดสอบที่ทางกรรมการประกาศออกมา

                การทดสอบภาคปฏิบัติจบลงโดยที่ทีมของมาสะสามารถคว้าเอาที่หนึ่งมาได้ โดยมีทีมของรุ่นพี่ปีสามห้องสี่ ของอิมาอิ เรียว ได้ที่สองตามมาติดๆ

                แม้จะได้ที่หนึ่งในการประกวดภาคปฏิบัติแต่ก็ไม่ทำให้นักเรียนปีสองห้องสามรู้สึกสบายใจแม้แต่น้อย เพราะคะแนนโหวตของพวกตนยังเป็นรองอยู่ คงได้แต่เดิมพันไว้กับการให้คะแนนช่วงหลังที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมนำลูกโป่งไปให้อีกรอบหนึ่ง

                ตอนนี้ผู้เข้าประกวดทุกตนออกมายืนอวดโฉมอยู่หน้าเวทีอีกครั้ง เพื่อเตรียมตัวก่อนจะเปิดให้ผู้ชมมาให้คะแนน อาซาโนะที่เป็นคู่ของมาสะตอนนี้นั้นเรียกได้ว่าลุ้นตัวโก่งเลยทีเดียว แต่สำหรับมาสะมีเรื่องใหญ่กว่านั้นให้กังวลในเวลานี้...

                ง่วง! ตอนนี้เขาง่วงมาก ง่วงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ง่วงจนแทบจะหลับไปทั้งๆที่ยืนอยู่ ราวกับว่าความง่วงที่หายไปเมื่อเช้ามันถาโถมเข้ามาทีเดียวอย่างนั้นแหละ อุตส่าห์แอบดีใจที่วันนี้ไม่รู้สึกง่วงแล้วแต่ที่ไหนได้ดันมาง่วงในเวลาแบบนี้ ตอนที่อยู่บนเวทีแบบนี้เนี่ยนะ!

                มาสะพยายามยิ้มให้กับเหล่าผู้ชม พร้อมกับพยายามดึงสติตนเองตลอดเวลาไม่ให้เผลอหลับไปทั้งยืน เดินไปรับลูกโป่งจากบรรดาผู้ชมบ้างเป็นครั้งคราว ในหัวของมาสะตอนนี้เบลอไปหมดจนไม่รู้ว่าไซน์ได้มายืนตรงหน้าตนพร้อมกับยื่นลูกโป่งรูปหัวใจสีสดใสมาให้ เรียกเสียงเฮฮาเล็กน้อยจากผู้ชม เพราะใครๆก็รู้ว่าลูกโป่งที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ให้นั้นมีแต่ลูกโป่งทรงกลมธรรมดาเท่านั้น

                มาสะรับลูกโป่งจากมือไซน์มาอย่างมึนๆ เขารู้ตัวว่าเป็นไซน์ก็ตอนที่ยิ้มมือเรียวบังเอิญไปสัมผัสถูกมือของอีกฝ่ายเข้า ราวกับเกิดไฟฟ้าสถิตย์ขึ้นเบาๆ มาสะเผลอจ้องดวงตาสีสวยของไซน์ครู่หนึ่งก่อนจะละกลับมายืนที่เดิม ในหัวพลันได้ยินถ้อยคำที่ส่งเข้ามา

                “ทนอีกนิดนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ” ถ้อยคำเหล่านั้นมันช่างแผ่วเบามากจนมาสะแทบจับใจความไม่ได้ เขาจะสามารถทนยืนอยู่ได้จนจบงานจริงๆเหรอ?

                “ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงแล้วครับผลการตัดสิน เรามาเริ่มกันด้วยคะแนนปอปปูล่าโหวตกันก่อน ทีมที่ได้รบลูกโป่งจากเหล่าผู้ชมมากที่สุดก็คือ.....ทีมตัวแทนจากปี3ห้อง4 อิมาอิ เรียว และ ชิมาดะ ยูกิ ครับ”

                “ส่วนทีมตัวแทนที่ได้คะแนนสูงสุดจากบรรดากรรมการคือ...ทีมตัวแทนจากปี2ห้อง3 อิซึกิ มาซาฮิโกะ และ อาซาโนะ อายะ ครับ”

                “เอาล่ะครับมาลุ้นกันว่าทั้งสองทีมใครจะได้คะแนนรวมมากที่สุด หรือจะมีม้ามืดที่คะแนนรวมสูงกว่าปรากฏตัวออกมากัน” บรรยากาศตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างนักเรียนปี2ห้อง3 และปี3ห้อง4 ห้องไหนกันที่จะได้รับรางวัลไป หรือจะมีม้ามืดอย่างที่พิธีกรคนนั้นพูด ต่างฝ่ายต่างทำได้เพียงแค่ลุ้นตัวโก่งเท่านั้น

                “ตอนนี้ทีมที่มีคะแนนสูงสุดอยู่ในมือของผมเรียบร้อยแล้วนะครับ มาลุ้นกันว่าจะเป็นทีมใดกัน....” เสียงพิธีกรที่เงียบลงขณะเปิดซองจดหมาย ทำเอาผู้ชมลุ้นกันตัวโก่งว่าทีมที่จะหลุดออกมาจากปากนั้นจะเป็นทีมใด”ผลประกาศออกมาแล้วนะครับ ทีมที่ได้คะแนนสูงสุดคือ...เอ๋...มีสองทีมครับ ทีมจากปี2ห้อง3 และปี3ห้อง4  ได้คะแนนเท่ากันทั้งสองทีมเลยครับ! ” เกิดเสียงฮือฮาดังสนั่นทั่วหอประชุม

                ได้ที่1ทั้งสองทีมแบบนี้แล้วเรื่องรางวัลล่ะ จะแบ่งกันยังไง!!! นี่คือคำถามที่ดังขึ้นในใจนักเรียนทั้งสองห้อง เพราะต่างก็หมายตารางวัลทัวร์ทะเลในช่วงปิดเทอมกันใจจะขาด เพราะไม่บ่อยเลยที่โรงเรียนจะใจกว้างแบบนี้

                “กรุณาอยู่ในความสงบด้วยนะครับ ท่านผู้อำนวยการกำลังจะชี้แจงเรื่องนี้ให้ทราบ” เสียงไมโครโฟนตัวตรงหน้าผู้อำนวยการโรงเรียนดังหวีดหวิวเล็กน้อย ก่อนเสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่จะเงียบลง พร้อมๆกับเสียงทุ้มนุ่มของท่านผู้อำนวยการที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการจะดังออกมา

                “เนื่องจากทั้งสองทีมได้รางวัลเท่ากัน จึงได้ตัดสินให้ได้รับรางวัลชนะเลิศไปทั้งสองคู่ เพราะทั้งสองทีมต่างมีความสามารถ(?) ที่เยี่ยมยอด ส่วนเรื่องรางวัลทัศนศึกษาที่ทะเลตอนปิดเทอมนั้น ได้ไปทั้งสองห้องอย่างแน่นอน...” แน่นอนว่าพอคำพูดประโยคนี้หลุดออกมานักเรียนของทั้งสองห้องที่ชนะการประกวดก็ไม่มีใครสนใจที่ผู้อำนวยการพูดต่ออีกแล้ว ต่างคนต่างโห่ร้องดีใจกับรางวัลที่ได้รับ

                “ต่อไปจะเป็นพิธีรับรางวัล เชิญท่านผู้อำนวยการมอบรางวัลที่หน้าเวที และผู้เข้าประกวดทั้วสี่ด้านหน้าเวทีเลยครับ” ทั้งสี่คนที่ชนะเลิศการประกวดต่างต่างออกมารับรางวัล พร้อมกับถ่ายรูปคู่กับท่านผู้อำนวยการเป็นที่ระลึก

                หลังจากจบพิธีมอบรางวัล บรรดาผู้ชมต่างก็แยกย้ายกันไป นักเรียนที่ได้รับรางวัลต่างก็อยู่ในอาการตื่นเต้นดีอกดีใจจนไม่มีใครสังเกตเห็น ท่าทางของมาสะที่แปลกไปตั้งแต่ก่อนรับรางวัล

                ผู้ชนะเลิศทั้งสี่คนเมื่อเข้ามาที่หลังเวทีแล้วต่างทักทายทำความรู้จักกัน

                “อาซาโนะ อายะค่ะ ส่วนนี่ อิซึกิ มาซาฮิโกะ..”

                “อิมาอิ เรียว กับ ชิมาดะ ยูกิ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” ต่างฝ่ายต่างก็โค้งให้กันตามธรรมเนียม แต่มาสะกลับยืนนิ่งราวกับไม่รับรู้ว่าตรงหน้าเกิดอะไรขึ้น

                “อิซึกิทำไมเมินรุ่นพี่เข้าแบบนั้นล่ะ” อาซาโนะ เอ่ยเสียงดุ

                “ไม่เป็นไรหรอกคงจะรู้สึกอายน่ะที่ใส่ชุดแบบนี้ พี่ยังรู้สึกแปลกๆเลยที่ต้องมาแต่งตัวแบบนี้ แต่ก็นะ เราคนกันเอง น่าจะทำความรู้จักกันไว้” อิมาอิไม่พูดเปล่า เขาตบไหล่มาสะเบาๆเป็นเชิงทักทาย แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะทันทีที่ฝ่ามือสำผัสถูกไหล่บาง ร่างบางที่เงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็ล้มลงทันที แต่ก่อนที่ร่างนั้นจะกระแทกพื้น ก็ปรากฏบุคคลหนึ่งเข้ามารับได้อย่างทันท่วงที ไซน์นั่นเอง

                “เฮ้ย!! เป็นอะไรมากรึเปล่า แค่ตบเบาๆเองนะ” อิมาอิพูดอย่างตกใจ ก่อนจะถลันตัวมาดูอาการของคนตัวเล็ก

                “เอ่อ..คุณไซน์คะ อิซึกิเขา..ไม่เป็นไรมากใช่มั้ย” อาซาโนะ ถามอย่างกล้าๆกลัวๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคนล้มไปต่อหน้าต่อตา แถมคนๆนั้นยังเป็นเพื่อนเธออีก จะไม่ให้เธอกังวลได้ยังไง

               “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ แค่หลับไป” ไซน์พูดๆพร้อมๆกับช้อนร่างบางที่สลบสไลขึ้นจากพื้น ก่อนจะเอ่ยปาก

“ว่าแต่พอมีที่ที่มาสะพอจะนอนพักได้บ้างมั้ยครับ หรือถ้าไม่มีอะไรแล้วผมจะได้พากลับไปนอนที่บ้าน”

“ผมว่าไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า ถึงจะดูเหมือนแค่หลับไปเฉยๆก็เถอะ แต่แบบนี้มันไม่ปกติแล้วนะครับ” รุ่นพี่อิมาอิเอ่ยเสียงเครียด

“ถ้าอย่างนั้นรบกวนช่วยนำทางด้วย”

รุ่นพี่อิมาอิไม่พูดอะไรเดินนำไปห้องพยาบาลทันที ระหว่างทางอาจารย์คุโรคาวะได้เข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งอาซาโนะเป็นคนอาสาเล่าให้ฟัง หลังจากฟังเรื่องราวคร่าวๆแล้ว เขาก็หันไปสั่งงานนักเรียนอีกอย่างสองอย่างก่อนเดินตามไปที่ห้องพยายบาลโดยมีไอโด้ที่เป็นห่วงมาสะมากเดินตามมาด้วย

ไซน์อุ้มมาสะเดินตามทางมาเงียบๆ พลางมองห้องพยาบาลที่อยู่สุดปลายทางเดิน พร้อมกับนึกถึงสภาพเละเทะภายในห้องห้องที่เขาเพิ่งไปก่อไว้อย่างอ่อนอกอ่อนใจ

“รบกวนด้วยครับ” รุ่นพี่อิมาอิกล่าวก่อนค่อยๆเปิดประตูห้องพยาบาล แต่ก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นสภาพภายในห้อง และร่างของอาจารย์ห้องพยาบาลที่นอนทอดร่างอยู่บนพื้น

“มีอะไรเหรอคะ” อาซาโนะถามขึ้นขณะพยายามมองลอดช่องประตูที่เปิดค้างไว้เข้าไป

“กรี๊ด” อาซาโนะกรีดร้องสุดเสียงพลางเขยิบถอยหนีจากภาพที่เห็น

“เกิดอะไรขึ้น” อาจารย์คุโรคาวะที่ตามมาพอดีเอ่ยก่อนชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นสภาพภายในห้อง เขารีบกันไอโด้ที่เดินตามมาออกทันทีไม่ให้เห็นภาพในห้อง ก่อนหันไปสั่ง

“อิมาอิ ปิดประตูซะ ส่วนไอโด้เธอวิ่งไปตามผู้อำนวยการมาที่นี่ทีนะ” ไอโด้พยักหน้ารับอย่างงงๆ ก่อนวิ่งไปตามผู้อำนวยการมา

อาจารย์คุโรคาวะ จัดการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาตำรวจทันที ที่ร่างของไอโด้ลับตาไปแล้ว

“อาจารย์ครับ แล้วอาจารย์คุจิล่ะครับ ไม่ต้องเรียกรถพยาบาลเหรอ...” อิมาอิถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ขณะมือหนาก็ยังคงลูบหลังปลอบอาซาโนะที่ตอนนี้กำลังเสียขวัญอยู่

“ครูคิดว่าเธอเองก็น่าจะรู้นะ ถึงจะไม่ได้ดูอย่างละเอียด แต่สภาพแบบนั้นดูยังไงก็ไม่น่าจะยังมีชีวิตอยู่” สภาพที่มีเลือดเจื่องนองพื้นขนาดนั้น ถ้ารอดได้ก็ไม่ใช่คนแล้ว นอกจากนั้นในห้องนั้นเองก็ไม่มีวี่แววของชีวิตอยู่เลย

“เราทำได้แค่รักษาที่เกิดเหตุเอาไว้เท่านั้น” อาจารย์คุโรคาวะเอ่ยเบาๆ ก่อนเหลือบสายตาไปมองไซน์ที่ตอนนี้ยังคงอุ้มมาสะเอาไว้ในอ้อมแขน คอยประคองให้ลูกศิษย์ของเขานอนในท่าที่สบายตัวที่สุด ด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ราวกับรู้อยู่แล้วอย่างนั้น....ซึ่งก็เป็นตามนั้นจริงๆ

หลังจากนั้นไม่นานตำรวจก็มาถึง เมื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่า อาจารย์คุจิได้ทำพิธีกรรมทางไศยศาสตร์อะไรสักอย่าง โดยเลือดที่นองอยู่บนพื้นั้นเป็นเลือดไก่ที่คาดว่าน่าจะนำมาใช้ในพิธี สันนิษฐานว่าระหว่างที่กำลังทำพิธอยู่นั้น น่าจะเกิดอาการหัวใจวายกะทันหัน จึงพยายามควานหายาในห้องก่อนจะหมดลมลง ท่ามกลางข้าวของที่ถูกปัดตกกระจัดกระจาย

นักเรียนและอาจารย์ที่เป็นผู้พบศพถูกสอบปากคำนิดหน่อยก่อนจะถูกปล่อยตัวกลับไป ข่าวการสียชีวิตของอาจารย์คุจิแพร่ออกไปพร้อมๆกับเรื่องพิธีกรรมประหลาด ที่ถูกนักเรียนเอาไปลือว่าเป็นสาเหตุการตายของอาจารย์คุจิที่ถูกคุณไสย์เล่นงาน

ข่าวลือต่างๆดังอยู่ร่วมสองอาทิตย์กว่าๆก็เริ่มซาลงเหมือนข่าวเรื่องอื่นๆ พร้อมกับห้องพยาบาลที่ถูกทำความสะอาดให้พร้อมกับมาใช้งานอีกครั้ง....

แต่ก็ยังไม่มีการเปิดใช้เนื่องจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปทำให้ไม่มีใครมาสมัครเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่สักที ทำให้ต้องเวียนเอาอาจารย์ที่ว่างมานั่งแทนชั่วคราวพลัดเปลี่ยนเวรกันไป แต่ก็ไม่มีใครอยากมาที่แห่งนี้นัก แม้แต่นักเรียนเองถ้าไม่บาดเจ็บหรือป่วยมากจริงๆก็แทบไม่มีใครมาเยือนห้องพยาบาลแห่งนี้เลย

สำหรับทั้งสี่คนที่ชนะเลิศการประกวดนั้น ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็มักจะถูกทักถูกแซวว่าเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายอยู่เสมอ ที่โดนหนักเห็นจะเป็นพวกปี2 ซึ่งก็คือมาสะกับอาซาโนะนั่นเอง รุ่นพี่ปี3ทั้งสองเมื่อไม่ได้แต่งตัวก็กลับมาเป็นตัวเองเหมือนเดิมปกติ

ยิ่งกับอิมาอิ เรียว แล้วซึ่งปกติเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆอยู่แล้ว แต่หลังจากจบงานประกวดสาวๆก็พร้อมใจกันเรียกเขาว่า เจ้าชาย แม้ว่าตำแหน่งที่เข้าชนะมาจะเป็นเจ้าหญิงก็เถอะ


คนที่โดนแซวเรื่องนี้หนักที่สุดคงไม่พ้นเป็นมาสะของเรา ยิ่งตั้งแต่จบงานประกวดมานี่เจ้าตัวก็เอาแต่นอนตลอดจนใครๆก็พร้อมใจกันเรียกเขาว่าเจ้าหญิงนิทรา ซึ่งเจ้าตัวเองก็รู้สึกเขินๆนิดหน่อยที่ถูกกระทบเรื่องการนอน แต่ก็แค่ชั่วครู่ เพราะเพียงไม่นานหลังจากนั้นมาสะก็ฟุบหลับไปโดยไม่สนใจอะไรอีกเลย หลับราวกับว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืนอย่างนั้น...


ตอนต่อไป : ตอนที่ 12

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น