วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

มาควบคุมความโกรธกันเถอะ

เราเป็นคนไม่ค่อยโกรธค่ะ แต่พอโกรธแล้วมันกลายเป็นน้ำตาตลอด เคยถึงขั้นที่โกรธมากๆ จนบ่อน้ำตาแตกแล้วหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำ แล้วก็ด่าเขาสาระพัด คำพูดแย่ๆที่ไม่เคยคิดจะพูดก็ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด(แต่ไม่ได้ด่าต่อหน้า) แล้วพอดีขึ้นก็บอกทุกคนไปว่าเครียด เพราะงานไม่เสร็จแทน กลัวเสร็จไม่ทัน ทั้งๆที่จริงๆแล้ว โกรธเขาที่ไม่ทำงานแล้วโยนงานและความรับผิดชอบมาให้เราทำคนเดียว แล้วยังโยนขี้มาให้เราอีก เก็บกดน่าดูเหมือนกันตอนนั้น

เป็นประสบการณ์ที่ผ่านมานานพอสมควรแล้ว และทำให้รู้ว่าตัวเราไม่ชอบสภาวะตอนนั้นเลย สภาวะที่ความโกรธมันครอบงำเรา และรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ยังดีที่เรายังมีสติพอที่จะไม่ระเบิดอารมณ์ออกไป จึงยังไม่เสียมิตรภาพดีไป (หลังจากนั้นก็ไปคุยตรงๆ ตอนที่สงบแล้วว่ารับพฤติกรรมแบบนั้นไปได้ แต่เขาคนนั้นก็ยอมปรับปรุงตัวเองค่ะ ตอนนี้เลยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน)

บางครั้งเวลาเห็นคนที่โกรธ ระเบิดอารมณ์ สบดด่าคนโน้นคนนี้ บางทีก็โวยวาย เหวี่ยงไปทั้ว เราเคยสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคนๆนั้น หรือมันเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นกันแน่ถึงต้องโกรธขนาดนั้น ต้องระเบิดออกมาขนาดนั้นเลยเหรอ

วันก่อนค่ะ ได้มีโอกาสฟัง Leo ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาพูดเรื่อง How to control anger เลยสรุปเป็นภาษาไทยมาให้ฟัง เพราะคิดว่าเป็นอะไรที่มีประโยชน์มากๆ

ความโกรธคือ
อาการด้านลบหลายๆอย่างเช่น หงุดหงิด รู้สึกไม่พอใจ ขัดใจ ทั้งหมดนี้ถือเป็นความโกรธค่ะ มีตั้งแต่โกรธที่เล็กๆไปจนถึงใหญ่มาก แล้วแต่การตอบสนองของแต่ละคน

คนปกติที่มีความฉลาดทางอารมณ์เพียงพอ จะไม่โกรธอะไรง่ายๆ แต่โกรธเมื่อ เจอกับสถานการณ์ที่สุดๆ หรือเป็นภัยต่อสิ่งสำคัญสำหรับเขาจริงๆ

แต่ถ้าคุณโกรธง่าย นิดหน่อยๆ ก็โมโห มีความรู้สึกอยากจะต่อยเขา ตะคอกตะโกนใส่ ระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยเรื่องเล็กน้อย และไม่สามารถควบคุมมันได้ จุดนี้แสดงว่าคุณมีปัญหาเรื่องของจิตใจแล้วค่ะ พบจิตแพทย์เป็นทางแก้ที่ดีที่สุด

ทุกคนมีพื้นฐานและมุมมองความคิดที่ไม่เหมือนกัน เวลาที่ความขัดแย้งเกิดขึ้นในใจของเรา อย่าเพิ่งโกรธเขา แต่ให้ลองพยายามมองในมุมมองของเขา ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ตัวเราโอเคกับความคิดนี้ได้ไหม พยายามอย่าตัดสินคนด้วยมุมมองของเราอย่างเดียว

เทคนิคในการควบคุมความโกรธ

1. ให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ให้curiousกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมคนนั้นถึงโกรธเรา เราทำอะไรให้เขาโกรธรึเปล่า หรือถ้าเราโกรธเขา ให้สงสัยว่าทำไมเราถึงโกรธ อะไรที่ทำให้เราโกรธ เขาขับรถชนเรา แล้วเรากำลังรีบพาลูกไปหาหมอ ให้หยุดสงสัยในอารมณ์ของเราและคู่กรณีสักครู่ ก่อนจะตัดสินอะไรไป แม้ว่าเราจะเห็นว่าเขาผิดเต็มประตูก็ตาม วิธีนี้จะทำให้จิตใต้สำนึกเราจดจ่อกับสิ่งที่เราสงสัยมากกว่าถูกความโกรธนั้นครอบงำค่ะ

2.มีสติ การมีสติเป็นวิธีที่จะควบคุมความโกรธของเราได้ดีที่สุดในระยะยาวค่ะ

Leo แนะนำว่า ครั้งหน้าที่คุณโกรธใครมากๆ ให้ปล่อยความโกรธนั้นออกมาให้เต็มที่ อยากด่าเขา อยากตะคอกใส่เขา อย่างกระฟัดกระเฟียดแค่ไหน ทำออกมาให้หมดไม่ต้องยั้ง แล้วย้อนมองดูตัวเราค่ะ มองกับไม่มองไม่เหมือนกัน มองกลับไปถึงตัวเราที่กำลังโกรธตอนนั้นด้วยมุมมองของคนนอก ไม่ต้องตัดสินว่าถูกหรือผิด แค่มองดูและสังเกตุ คุณอาจจะนึกขึ้นได้ว่าจริงๆแล้วคุณไม่จำเป็นต้องเสียงดังใส่เขาเลย เขาอาจจะพูดไม่ดีใส่คุณ หรือทำอะไรให้คุณขัดใจ แต่เมื่อคุณฝึกมันบ่อยๆ คุณจะรู้ตัวเองว่าคุณไม่จำเป็นต้องโกรธเขา ไม่จำเป็นต้องปล่อยอารมณ์เราไปตามการกระตุ้นของเขา และคุณจะควบคุมมันได้ดีขึ้น

เช่น เขาอาจจะพูดจาไม่ดีใส่คุณ และคุณกำลังจะตอบโต้เขากับไปด้วยคำที่รุนแรง แต่ ณ จังหวะหนึ่ง จิตใต้สำนึกจะบอกคุณว่า ฉันไม่จำเป็นต้องตอบโต้ด้วยความโกรธ แม้จะหงุดหงิดกับคำพูดนั้นแค่ไหนก็ตาม

3. นั่งสมาธิ มีประโยชน์ในหลายๆด้าน ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ มันจะทำให้เราสงบ และมีสติค่ะ

Leo พูดหลายอย่างที่เกี่ยวกับความโกรธ ที่มาของความโกรธ แต่เราขอพุ่งไปเด็นไปที่ การควบคุมความโกรธข้างบนค่ะ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบ ส่วนใครอยากฟังเต็มๆ เราแปะวิดิโอไว้ด้านล่าง

สุดท้ายนี้ อย่าปล่อยให้ความโกรธครอบงำเราได้นะคะ โกรธคือโง่ โมโหคือบ้าค่ะ :)










Nerd VS Geek คุณอยู่ฝั่งไหนมากกว่ากัน

วันก่อนค่ะ ไปเจอประเด็นที่เค้าเถียงกันเรื่อง Nerd กับ Geek เราก็เลยเกิดสงสัยตัวเองว่า เอ๊ะ แล้วตัวเราเองล่ะ เป็นแบบไหน แต่ไหนแต่ไรมาก็คิดว่าตัวเองเนิร์ดนะ ตามความเข้าใจของตัวเองว่าไม่ค่อยออกไปเที่ยวไหนนัก แล้วก็ชอบอ่านนิยายอยู่ในห้อง บวกกับเรียนค่อนข้างดี ก็คิดว่าเราเนิร์ดแน่นอน แต่พอลองอ่านคำจำกัดความของทั้งสองคำดูแล้วก็เลยเริ่มไม่แน่ใจ เอ๊ะ เราอยู่ฝั่งไหนกันแน่นะ

มาดูคำจำกัดความจาก Google Translate กันก่อน

Nerd
คำจำกัดความของ nerd
คำนาม
a foolish or contemptible person who lacks social skills or is boringly studious.
one of those nerds who never asked a girl to dance
เราว่าเป็นคำจำกัดความที่ค่อนข้างแรงพอสมควรเลย คนที่โง่งม และน่ารังเกียจ ไม่มีทักษะการเข้าสังคม และบ้าการเรียน foolish ในที่นี้น่าจะหมายถึงคนที่จมอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึงโดยไม่สนใจเรื่องอื่นๆเลย อะไรประมาณนั้น

ไปดูอีกฝั่งกันบ้าง

Geek
คำจำกัดความของ geek
คำนาม
an unfashionable or socially inept person.
His attempts to play a socially inept geek are awkward.
a carnival performer who performs wild or disgusting acts.
Rock musicians get paid for looking like carnival geeks and not making music.
รุนแรงไม่แพ้กันเลย เป็นคนเชยๆไม่ตามแฟชั่น และทำอะไรไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ เราแปลไม่ตรงเท่าไหร่ แต่คิดว่าแบบนี้น่าจะเข้าใจมากกว่า หรือ คนที่ทำการแสดงที่น่ารังเกียจ

เห็นได้ชัดเจนว่าคำจำกัดความของทั้งสองคำนั้น ไปในทางลบอย่างชัดเจน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ข้ามไป อย่าใสใจ

มาดูกราฟที่มีคนทำไว้ข้างล่างนี้กันดีกว่า



อันนี้เป็นกราฟ Nerd / Geek ที่มีคนทำขึ้น เจอหลายเว็บไซต์มากจนไม่แน่ใจว่าอันไหนเป็นต้นตอของของภาพกันแน่ วิธีอ่านกราฟก็เหมือนกราฟจุดที่เคยเรียนตอนมัธยมนั่นแหละ อันนี้เขาแบ่งสีให้เห็นง่ายขึ้นด้วย ส้มคือ Geek และน้ำเงินคือ Nerd

แต่มุมขวาบนนี้เรียกว่าทั้ง Nerd และ Geek รวมอยู่ด้วยกันเลย เกมเมอร์ อเวนเจอร์ และแว่นตา #gamer #avengers #glasses  อื้อหือ โดนทุกข้อ ฮ่าๆ 

มุมซ้ายบนคือ Geek สุดๆ และไม่มีความ Nerd ปนอยู่แม้แต่น้อย

ตรงข้ามกันที่มุมขวาล่าง คือ Nerd สุดๆและไม่มีความเ็น Geekเลย คือ cellist ใครเล่นเชลโล่คือเนิร์ดแน่นอน ว่างั้นนะ

เพื่อนลองเซฟภาพไปวงเล่นๆดูได้ว่าตัวเองอยู่ฝั่งไหนมากกว่ากัน ข่างล่างนี่ของเราลองเล่นดู


พอลองวงๆอันที่เป็นเราดูแล้วก็แบบ 50/50 เนอะ เนิร์ดบ้าง กี้กบ้าง แล้วแต่อย่าง แต่พอมาคิดๆดู วันๆหนึ่งเราอยู่กับอะไรมากกว่ากันแน่ ดูเหมือนจะเอนเอียงไปทาง Geek มากกว่าหน่อย เพราะดูพวกสารคดี documentary กับอ่าน web comic เรียกได้ว่าทุกวันเลย ฮ่าๆ ดูๆแล้วน่าจะเป็น Geek สัก 60 Nerd 40 

แต่ไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหนในมุมมองเราว่ามันก็ไม่มีผลอะไรเท่าไหร่ แบ่งจำพวกเอาสนุกๆ ไม่ต้องจริงจังกับมันมากนะ ตัวเราเรารู้ตัวเราดีจริงมั้ย ทำชีวิตเราให้ดีที่สุดดีกว่าเนอะ :)

แถมท้ายด้วยวิดิโอ ต้นตอที่มานั่งเขียนเรื่องนี้ Epic Rap Battle: Nerd vs. Geek




ชอบสองคนนี้จริงๆ ตามช่อง Good mythical morning อยู่ ฝึกภาษาอังกฤษแบบฮาๆพร้อมสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง เผื่อใครสนใจ :)

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

My fragranced world (Yaoi) บันทึกที่3 เตรียมพร้อม

บันทึกที่ 3 เตรียมพร้อม

                ไม่ได้เขียนบันทึกตั้งหลายวัน มีงานด่วนเงินดีเข้ามา เส้นตายวันส่งงานคือวันศุกร์วันนี้ มีเหรอที่ผมจะไม่รับ นักแปลอิสระแบบผมใช่จะมีงานให้ทำทุกวี่ทุกวัน โอกาสมาต้องรีบคว้า เมื่อเคลียร์เสร็จส่งงานรับเงินไปเมื่อบ่าย มีเงินพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวพรุ่งนี้แล้ว มัวแต่ทำงานจนลืมเตรียมตัวไปเที่ยวเลย คุณแม่สุดที่รักจัดการเตรียมให้เรียบร้อยหมดเลย มีแอปเปิ้ลของโปรดของผมแพ็คใส่กล่องเตรียมไว้แล้วด้วย แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่ผมชอบที่สุด เพราะมันมีกลิ่นหอมนวลๆเฉพาะตัว แถวยังเคี้ยวกรอบๆ ฉ่ำน้ำกินแล้วรู้สึกสดชื่น

แม่ของผมยังบอกว่าให้เอาสมุดบันทึกติดตัวไปด้วย เผื่อตอนนั้นอยากเขียนอะไรจะได้เขียนเลย สงสัยบันทึกของวันก่อนจะสั้นเกินไป ก็มันไม่รู้จะเขียนอะไรนี่นา

                แต่ผมก็เตรียมที่ในกระเป๋าเผื่อไว้แล้วล่ะ ติดปากกาสีๆไปด้วย ผมไม่แน่ใจว่าสีอะไร ไม่เขียวก็ฟ้าล่ะมั้ง แล้วดินสอ ไหนๆก็ไปเที่ยวสวนสัตว์แล้วก็เลยว่าจะสเก็ตรูปสักหน่อย ไม่ได้วาดมานานแล้ว วาดมันลงบันทึกเล่มนี้นี่แหละ จะได้ไม่ต้องแบกสมุดไปหลายเล่ม

                พรุ่งนี้จะไปกินไอติมหน้าสวนสัตว์ที่เค้าว่าอร่อยกันด้วย พ่อกับแม่น่าจะชอบ ถึงผมจะไม่รู้ว่ามันรสยังไง แต่ของอร่อยมักมีกลิ่นที่อร่อยด้วย ดังนั้นไม่เป็นปัญหา

                ผมไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว ในหัวตอนนี้ก็มีแต่ความรู้สึกตื่นเต้นที่พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยว ถึงผมจะแปลนิยายมาหลายเรื่อง แต่ดูเหมือนสกิลการเขียนจะไม่ซึมซับมาถึงผมเลย ผมเลยเขียนได้แต่บันทึกสั้นๆแบบนี้  นอนดีกว่าพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปเที่ยว



---------------------------------------------

ตอนที่แล้วว่าสั้นแล้ว ตอนนี้สั้นยิ่งกว่าค่า ฮ่าๆ เดี๋ยวตอนหน้ายาวแน่นอน จริงๆตอนแรกว่าจะรวมบันทึกที่2กับ3 ไว้ตอนเดียวกัน แต่คิดอีกทีจับแยกแล้วกัน ถ้าไม่มีอะไรผิดไปจากที่ตั้งใจไว้ ตอนสั้นๆแบบนี้จะโผล่มาไม่บ่อยค่ะ เพราะตัวเอกของเราจะมีเรื่องให้ได้ระบายลงบันทึกเยอะยแะไปหมด :)


ตอนต่อไป >> บันทึกที่ 4