วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รักนาย เจ้าชายปีศาจของฉัน(Yaoi) ตอนที่15: สองเรา

ตอนที่15

อิมาอิแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น อยู่ๆอาจารย์คนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางห้วงอากาศที่ว่างเปล่า แล้วยังจัดการพวกนั้นซะสาหัสโดยไม่แม้แต่จะแตะต้อง คนคนนั้นทำได้อย่างไร อิมาอิได้แต่เงียบเสียงแล้วนั่งดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆด้วยความโล่งใจเล็กๆ ทุกอย่างคงจะจบแล้วสินะ แต่เขาก็อดสงสัยท่าทางของอาจารย์ห้องพยาบาลคนนี้ที่มีต่อรุ่นน้องของเขาไม่ได้จริง

“โอ๋ ไม่ร้องนะครับคนดี ไซน์ขอโทษที่มาช้า ไม่เป็นไรแล้วนะ” ไซน์ยังคงปลอบประโลมมาสะที่ตอนนี้เหลือเพียงอาการสะอึกสะอื้นต่อไป โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาของอิมาอิ และเสียงโอดโอยของชายอีกสองคนที่นองจมกองเลือดอยู่

“ไซน์..อึก...ผมอยากกลับบ้าน”

“ได้สิ กลับบ้านกันนะ แต่ก่อนอื่นขอจัดการกับไอ้พวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียสูงเสียหน่อย” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของไซน์ทำให้มาสะต้องรีบรั้งไซน์ไว้ในทันที

“อย่าทำอะไรพวกเขาเลยนะครับ”

“ทำไมล่ะ พวกมันทำกับมาสะถึงขนาดนี้เลยนะ” ไซน์ถามกลับอย่างไม่พอใจ พอได้ยินไซน์พูดแบบนั้นแล้ว สัมผัสน่ารังเกียจเหล่านั้นก็เข้ามาในความคิดของมาสะอีกครั้ง น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วเริ่มกลับมาไหลอีก

“ไซน์ครับห้ามถึงตายนะ ผมไม่อยากให้ไซน์เป็นฆาตกร...” ทันทีที่พูดจบเสียงโอดครวญของชายสองคนนั้นก็เงียบลง มาสะไม่รู้หรอกว่าไซน์ทำอะไร เพราะเขาซุกหน้าอยู่กับอกแกร่งตลอดเวลา ตอนนี้เขาไม่ต้องการที่จะออกห่างจากอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้เลยสักนิด

อิมาอิมองภาพต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกสับสน เมื่อครู่นี่ทั้งสองคนที่ร้องโอดครวญอยู่ท่ามกลางกองเลือดก็มีอาการเหมือนหายใจไม่ออกพร้อมกับสลบไป? ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อให้โง่แค่ไหนก็ต้องรู้ว่าเป็นฝีมือของอาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่ที่ดูจะมีความสัมพันธ์พิเศษบางอย่างกับรุ่นน้องของเขา

“เหลืออีกคนที่ต้องจัดการสินะ” ไซน์เบือนหน้ามาทางอิมาอิ ซึ่งทำให้อิมาอิถึงกับเสียววูบ

“วันนี้ก็เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้เที่ยงมาหาครูที่ห้องพยาบาล คงรู้นะว่าห้ามเอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปพูดน่ะ” อิมาอิพยักหน้าอย่างรวดเร็ว คุยพรุ่งนี้เที่ยงที่มีคนอยู่เต็มโรงเรียน ดูยังไงๆก็ดีกว่าคุยกันตอนนี้ ที่ไม่รู้จะโดนเหมือนคนพวกนั้นรึเปล่า

“กลับบ้านกันนะ” ไซน์ก้มลงกระซิบกับมาสะเบาๆก่อนร่างของทั้งสองจะหายวับไปทันที

“เฮ้อ อย่างน้อยก่อนไปก็น่าจะแก้เชือกให้กันหน่อย” สิ้นเสียงบ่นเชือกที่มัดตัวของอิมาอิอยู่ก็ขาดออกราวกับมีคนรับรู้คำบ่นของเขา อิมาอิมองไปรอบๆตัวอย่างฉงนแต่ก็ไม่พบใคร เขาจึงตัดสินใจวิ่งออกจากห้องนั้น มุ่งตรงกลับบ้านในทันที โดยเตือนตัวเองว่า ถ้ากลับถึงบ้านเมื่อไหร่จะโทรเรียกรถพยาบาลให้สามคนนั้นเสียหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะเป็นเรื่อง...

ทันทีที่มาถึงบ้านไซน์ก็จัดการอุ้มมาสะตรงเข้าห้องน้ำทันที

“อาบน้ำก่อนนะครับคนดี จะได้สดชื่นขึ้น” ไซน์วางมาสะที่ตอนนี้ยังมีอาการสะอื้นหลงเหลืออยู่เล็กน้อยลงในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น ก่อนค่อยๆหยิบฟองน้ำขึ้นมาถูตามตัวของมาสะอย่างเบามือ มาสะมองตามฟองน้ำที่ลากผ่านตัวเขาไปอย่างเหม่อลอย ก่อนมือบางจะจัดการคว้ามันออกมา

“อยากอาบเองเหรอ?” มาสะไม่ตอบคำถามของไซน์แต่กลับเริ่มถูฟองน้ำไปที่ลำคอของตนอย่างแรง จนลำคอขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว แดงจนน่ากลัว ไซน์เห็นแบบนั้นก็ตกใจรีบหยุดยั้งมือบางทันที

“ทำอะไรน่ะ!

“ฮือ..ปล่อย..ผมมันสกปรก...ฮึก..ฮืออ..ผมจะขัด...” มาสะสะบัดมือหลุดจากการกอบกุมของไซน์ แล้วมือบางทั้งสองข้างก็จัดการครูดเล็บไปตามลำคอและหน้าอกจนเป็นรอย แต่ดีที่ไซน์สามารถหยุดยั้งไว้ได้ทันก่อนที่จะเป็นอะไรมากกว่านั้น

ไซน์ดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดทันทีโดยไม่สนใจว่าเสื้อที่ตนใส่อยู่จะเปียกรึเปล่า ตอนนี้ของเพียงมาสะสงบลงได้เขาก็พอใจแล้ว

“สกปรกตรงไหนกัน มาสะของไซน์น่ะ สะอาดบริสุทธิ์เสมอ”

“ฮึก...ผมมันสกปรก...ผมไม่คู่ควรกับไซน์อีกแล้ว...ผม..” ริมฝีปากบางถูกประกบปิดลงก่อนที่จะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น สัมผัสหนักหน่วงราวกับต้องการตอกย้ำให้ร่างในอ้อมแขนนี้รับรู้ว่าตนเองสำคัญแค่ไหน

ไซน์ค่อยๆละริมฝีปากออกมาอย่างช้าๆ โดยที่หน้าผากของทั้งสองยังติดกันอยู่ เมื่อเห็นว่ามาสะสงบลงและไม่มีท่าทางที่จะทำร้ายตัวเองอีกไซน์ก็เริ่มพูด

“ใครบอกมาสะไม่คู่ควร ไหนบอกว่าจะอยู่กับไซน์ไง ไซน์รักมาสะนะ ต่อให้พวกชั่วนั่นทำกับมาสะมากกว่านี้ ไซน์ก็จะแต่งกับมาสะ ไม่ยอมรับหรอก มาสะสัญญาแล้วว่าจะแต่งกับไซน์ ไซน์จะไม่ยอมปล่อยมาสะไปเด็ดขาด”

มาสะจ้องมองดวงตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยประกายความหนักแน่น บ่งบอกถึงความจริงใจคู่นั้น มาสะตัดสินใจหลบดวงตาลงก่อนริมฝีปากบางจะขยับเล็กน้อยส่งผ่านถ้อยคำที่ดังราวกับเสียงกระซิบ

“ผม..มาสะก็รักไซน์ครับ” เสียงที่เบาราวกับเสียงของสายลม แต่ถ้อยคำเบาๆนี้เองที่กำลังทำให้หัวใจของผู้รับฟองอิ่มเอมและพองโตอย่างไม่เคยเป็น

“มาสะแต่งงานกับไซน์นะ”

“...ครับ...” ถ้อยคำแต่ละประโยคช่างแผ่วเบาเกินกว่าที่ใครคนอื่นจะได้ยินแต่ทั้งสองคนที่อยู่แนบชิดกันได้ยินมันอย่างชัดเจน ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบติดกันอีกครั้ง ครั้งอ่อนหวานและนุ่มนวลกว่าใครใดๆ ในหูของมาสะพลันแว่วเสียงบทเพลงบรรเลงหวานซึ้ง สลับกับเสียงประสานคล้ายบทสวดที่เขาฟังไม่เข้าใจ แต่กลับชวนให้หัวใจรู้สึกอิ่มเอม

ดวงตาที่หลับพริ้มรับสัมผัสเมื่อครู่ค่อยๆเปิดขึ้นช้าเมื่อบทเพลงในหูจบลงพร้อมๆกับสัมผัสอุ่นที่ละจากริมฝีปากไป ทันทีที่เปลือกตาเปิดขึ้น มาสะพลันรับรู้ถึงแสงบางอย่างที่ทอประกายอยู่ระหว่างร่างของทั้งสอง มาสะก้มมองไปยังแหล่งกำเนิดแสงดังกล่าว แล้วจึงพบว่ามันมีที่มาจากตรงกลางอกของเขาเอง

รอยสักลวดลายแปลกตาที่เหมือนจะมีสัญลักษณ์และตัวอักษรกำกับอยู่ ลวดลายเหล่านั้นทอประกายแสงต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะดับลงเหลือเป็นรอยสักสีขาวซีดๆบริเวณหน้าอกของเขาตรงตำแหน่งของหัวใจพอดี

“นี่มัน...” มาสะพึมพำเบาๆ พร้อมกับเอามือลูบรอยสักแปลกๆนั้น อย่างพิจารณา เหมือนเคยเห็นที่ไหน

“เมื่อกี้เป็นพิธีกรรมน่ะ” ไซน์อธิบายเมื่อเห็นใบหน้างุนงงของมาสะ

“พิธีแต่งงานของเราชาวปิศาจไม่จำเป็นต้องจัดที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือมีสักขีพยาน พิธีสามารถเริ่มได้ทันทีที่ทั้งสองคนตกลงรับคำขอ เมื่อครู่มาสะคงจะได้ยินสินะ บทเพลงอวยพรความรักน่ะ” มาสะพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเขินๆว่า
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราสองคนก็เป็นสามีภรรยากันแล้วเหรอ?” ไซน์มองหน้าแดงๆของมาสะอย่างอ่อนโยน มาสะของเขาน่ารักจริงๆ

“ยังหรอก ถ้าเทียบแบบพวกมนุษย์ตอนนี้เราสองคนก็คงจะเป็น....อืม..คล้ายๆคู่หมั้นอะไรแบบนี้” มาสะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“รอยสักนี่เป็นตราประทับน่ะ ปีศาจทุกคู่ที่เข้าพิธีสาบานรักกันจะต้องมี นี่ตรงนี้เป็นชื่อของเราสองคนเขียนด้วยภาษาโบราณน่ะ แล้วตรงนี้ก็เป็นตราประจำตระกูล แล้วถ้าพันธะนี้สมบูรณ์เมื่อไหร่ สีของรอยสักนี่จะเปลี่ยนไปตามระดับฐานฐานะของปีศาจตนนั้นๆ อย่างของเราสองคนจะเป็นสีทอง สีของราชวงศ์..”

มาสะมองตามนิ้วของไซน์ที่ไล่ไปตามลวดลายบนอกของเขาอย่างตั้งใจ พร้อมกับพยายามไม่นึกถึงความรู้สึกจั๊กจี้แบบแปลกๆที่เกิดขึ้น

“แล้วพันธะจะเรียกว่าสมบูรณ์ตอนไหนเหรอครับ” มาสะถามออกไปอย่างสงสัยโดยไม่ได้รับรู้ประกายบางอย่างที่ปรากฏขึ้นในดวงตาสีม่วงคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย

ไซน์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูของมาสะด้วยน้ำเสียง ที่ทำให้มาสะหัวใจเต้มแรงอย่างไม่มีเหตุผล

“ก็ตอนที่คนทั้งสองรวมเป็นหนึ่งเดียวกันไง” มาสะตอนใช้เวลาครู่หนึ่งในการทำความเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคได้

ไซน์มองร่างบางที่ตอนนี้หลบสายตาของเขาเข้าไปซุกอยู่กับอกเสื้อเปียกๆอย่างเอ็นดู เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าถึงจะพยายามซ่อนใบหน้าที่แดงนั่นยังไง แต่หูกับคอนั่นก็ไม่พ้นสายตาของเขาอยู่ดี

“ไม่จำเป็นต้องคืนนี้ก็ได้ ไซน์รอได้ เพียงแค่พันธะตอนนี้น่าจะยืดเวลาของมาสะออกไปได้อีกหลายอาทิตย์ ไซน์จะไม่ฝืนใจมาสะหรอก” เขารู้ว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับร่างบางในตอนนี้ วันนี้คนในอ้อมแขนของเขาเจออะไรมามากเกินพอแล้ว ไซน์ลูบศีรษะของมาสะอย่างทะนุถนอม ซึ่งตัวของมาสะเองก็รับสำผัสนั้นนิ่งๆอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง

“ขึ้นเถอะเดี๋ยวจะเป็นหวัด” ไซน์บอกพร้อมกัยชิงหอมแก้มเนียนไปเสียหนึ่งที โดยเขาคิดเอาเองว่าอาการสะดุ้งจากร่างบางน่าจะเกิดจากการตกใจในการกระทำของเขา

มาสะขึ้นจากอ่างตามที่ไซน์บอก เขาพยายามแย่งผ้าเช็ดตัวจากมือของไซน์ที่ยืนยันจะเช็ดตัวให้เขา มาสะไม่รังเกียจอะไรที่ไซน์ทำแบบนี้หรอก ถ้าเป็นวันปกติอื่นๆ เขาคงจะยืนนิ่งๆให้ไซน์เช็ดตัวให้อย่างเต็มใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ร่างกายของเขามีบางอย่างผิดปกติ ทุกๆการกระทำของไซน์ที่สำมผัสถูกร่างของเขามันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ทุกที่ที่ถูกสัมผัสนั้นกลับร้อนขึ้นอย่างประหลาด

มาสะพยายามระงับหัวใจของตัวเองที่เต้นถี่รัวอย่างหยุดไม่ได้ พร้อมทั้งพยายามกลั้นเสียงแปลกๆที่ดูเหมือนจะพยายามเล็ดรอดออกมาจากคอของเขาทุกครั้งไปที่ถูกสัมผัส

“เอาล่ะเสร็จแล้ว” ไซน์กล่าวขึ้นขณะที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกติดให้เรียบร้อย ก่อนจะหันไปจัดการกับเสื้อผ้าเปียกๆของตนเองพลางชวนมาสะคุย

“มาสะหิวมั้ย ถ้าหิวจะได้ไปเตรียมข้าวให้”

“ไม่ครับ...”

“แล้วมีอะไรอยากทำมั้ย ดูทีวี หรือว่าจะนอนเลย” ไซน์หันมาถามหลังจากที่จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“ผมขอนอนเลยแล้วกัน....ไซน์จะไปทำอย่างอื่นก็ได้นะครับผมนอนคนเดียวได้” แต่ดูเหมือนไซน์จะไม่ได้ฟังที่มาสะพูด เขาจัดการช้อนตัวมาสะขึ้นก่อนเดินตรงเข้าสู่ห้องนอนทันที

“นอนด้วยกันนี่แหละ” ไซน์อุ้มมาสะเดินเข้าห้องนอนไปอย่างอารมณ์ดี คนตัวเล็กของเขาเริ่มหายเศร้าแล้ว

“ผมเดินเองก็ได้ ไซน์ไม่ต้องอุ้มหรอก” มาสะพยายามจะลงมาเดินเอง แต่ไซน์ก็ไม่ยอมปล่อย จนสุดท้ายก็ต้องยอมให้ไซน์อุ้มแต่โดยดี

ใกล้เกินไปแล้ว มาสะคิด เขากลัวเหลือเกินว่าไซน์จะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ของเขา อีกทั้งร่างกายที่ผิดปกตินี่ ความร้อนนั้นดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีไซน์อยู่ใกล้ๆ

ไซน์วางมาสะลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะจัดการดึงผ้าห่มให้คลุมร่างของทั้งสอง พร้อมกับรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด

เป็นแบบนี้มานานพอสมควรแล้ว ตั้งแต่ที่ไซน์มาอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนก็นอนกอดกันแบบนี้จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว มาสะซุกตัวเข้าหาอ้อมอกแกร่งก่อนจะพยายามข่มตาหลับ โดยทำเป็นไม่สนใจความร้อนที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในกาย แต่ก็ดูเหมือนว่าไซน์จะยังไม่ยอมให้มาสะนอนง่ายๆ

“จูบราตรีสวัสดิ์” คำพูดสั้นๆที่มาพร้อมกับสัมผัสที่ริมฝีปาก มาสะตกใจกับสัมผัสที่กะทันหันนั้น แต่ก็คล้อยตามไปอย่างรวดเร็ว ความร้อนในกายดูเหมือนจะผลักดันร่างบางให้ตอบรับสัมผัสจากร่างสูงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกันเกินกว่าจะเรียกว่า จูบราตรีสวัสดิ์ ได้

ไซน์แปลกใจเล็กน้อยกับการตอบรับที่ไม่คาดฝันจากร่างในอ้อมแขน ยิ่งร่างบางตอบรับอย่างร้อนแรงขนาดนี้แล้วด้วย เขาจะยอมให้น้อยหน้ากว่าได้อย่างไร จุมพิตครั้งนี้เร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆราวกับจะแข่งกันว่าใครจะเป็นคนยอมแพ้แล้วผละออกไปก่อนกัน...

“แฮ่กๆ...ฮ๊า...” เป็นมาสะที่ผละออกมาก่อนเพื่อสูดอากาศหายใจ แต่ก็ต้องเผลอครางออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อถูกฝ่ามือแกร่งลูบเบาๆที่ใบหน้า

ไซน์มองปฏิกิริยาของมาสะอย่างแปลกใจ ปกติมาสะเป็นคนที่ไวต่อสัมผัสของเขาอยู่แล้ว แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมร่างบางถึงได้ดูไวต่อสัมผัสกว่าปกติ ไซน์ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน เขาดึงร่างบางที่ตอนนี้ยังคงหายใจแรงเพื่อสูดอากาศให้เข้ามาใกล้ ก่อนก้มลงประทับจูบที่ลำคอ ซึ่งตอนนี้ยังคงแดงด้วยฝีมือเจ้าตัวอยู่เลย

“อ๊า...อุ๊บ” มาสะปิดปากตัวเองที่หลุดเสียงครางออกมาแทบไม่ทัน ตรงบริเวณที่ไซน์สัมผัสมันรู้สึกร้อนไปหมด จนเขาควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ อ่า นี่เขาเผลอทำตัวแปลกๆให้ไซน์เห็นรึเปล่านะ

“มาสะเป็นอะไรมากรึเปล่า” ไซน์ถามอย่างเป็นห่วงกับปฏิกิริยาที่แปลกไปของร่างบาง

“ม..ไม่เป็นไรครับ...เรา...นอนกันดีกว่า” มาสะพยายามเบี่ยงเบนความสงสัยของไซน์ แล้วซุกตัวนอนในผ้าห่ม พร้อมกับข่มตาลง พยายามไม่สนใจความร้อนในร่างกายที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว เพิ่มมากจนเขาเริ่มอึดอัด

ไซน์พิจารณาท่าทางแปลกๆที่มาสะแสดงออกมาด้วยความสงสัย ไซน์ค่อยๆเลื่อนมือไปสัมผัสร่างบางที่ตอนนี้หลับตาอยู่อย่างแผ่วเบา ทันทีที่สัมผัสถูกร่างบางก็กระตุกเกร็งพร้อมกับหลุดเสียงครางออกมา แถมอัตราการหายใจก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ไม่ปกติ นี่มันไม่ปกติสุดๆ เกิดอะไรขึ้นกับมาสะของเขาอย่างนั้นเหรอ แล้วภาพตอนที่เข้าไปช่วยมาสะก็ผุดขึ้นมาในหัวของไซน์ ยานั่น!

“มาสะ ยาที่พวกนั้นให้มาสะดื่มคือยาอะไร” ไซน์จัดการขึ้นคล่อมร่างบาง ก่อนจับให้ใบหน้าหวานสบตากับเขา เขาจะไม่ปล่อยให้มาสะนอนตอนนี้แน่ถ้ายังไม่รู้ว่ายานั่นมีผลอย่างไรกับคนรักของเขา

มาสะพยายามที่จะหลบสายตาคาดคั้น ที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถเพราะมือทั้งสองข้างของไซน์จัดการยึดใบหน้าของเขาไว้

“ยานั่นใช่มั้ยที่ทำให้มาสะแปลกๆน่ะ ขอร้องล่ะบอกไซน์เถอะ ไซน์เป็นห่วงนะ” มาสะรู้สึกผิดที่ทำให้ร่างสูงต้องเป็นห่วง แต่ใหนึ่งเขาก็อายเกินกว่าจะบอกไซน์เรื่องยา แต่สายตาที่เว้าวอนนั่นก็ทำให้มาสะใจอ่อนจนได้

“นั่นมัน...ยาปลุก....ครับ” มาสะรู้ดีว่าตอนนี้ในหน้าของเขาต้องแดงมากแน่ๆ นี่เขาพูดอะไรน่าอายแบบนั้นออกไปได้ยังไง

“ยาปลุก? แล้วมันมีฤทธิ์ยังไง?” ไซน์มองหน้ามาสะที่ตอนนี้เหวอสุดๆอย่างขำๆ มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอที่เขาไม่รู้จักยาที่ว่านั่น ปีศาจอย่างเขาไม่ป่วยบ่อยนักหรอก ยิ่งยาของพวกมนุษย์แล้ว ถ้าไม่ใช่ตัวยาที่ถูกพูดถึงกับบ่อยๆเขาไม่มีทางรู้จักหรอก

“เอ่อ...” มาสะอึกอัก ลังเลว่าจะบอกไซน์ไปดีมั้ย แต่แค่พูดชื่อยานั่นก็อายจะแย่อยู่แล้ว นี่เขาจะต้องมาบรรยายสรรพคุณของมันให้ไซน์ฟังอย่างนั้นเหรอ พูดไม่ได้ ยังไงก็พูดไม่ได้ เรื่องน่าอายขนาดนั้น

ไซน์มองในหน้าที่ซีดสลีบแดงอย่างเป็นห่วง หรือยานั่นจะมีฤทธิ์ร้ายแรง ด้วยความเป็นห่วงไซน์จึงเอื้อมมือไปสัมผัสตัวของมาสะอีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าคนตัวเล็กของเขายังสบายดีอยู่ใช่มั้ย

“อ๊ะ..”

“เจ็บเหรอ?” ไซน์ไม่แน่ใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของร่างบาง มันดูเหมือนมาสะกำลังพยายามเชิญชวนเขาอยู่แต่ ร่างเล็กกับดูทรมาน?

“ไม่ครับ...แต่ว่า...” มาสะส่ายหน้าน้อยๆก่อนเบนสายตาหนีนัยน์ตาสีม่วงที่จ้องมองมาอย่างเป็นห่วงคู่นั้น

“แต่อะไรทำไมมาสะไม่บอกไซน์ล่ะ ไซน์เป็นห่วงมาสะนะ” ไซน์กล่าวอย่างตัดพ้อ ทำไมมาสะถึงไม่ยอมบอกเขา ไซน์รวบตัวของมาสะเขามากอด กอดให้แน่นที่สุด เพื่อให้ร่างบางรับรู้ว่า เขาอยู่ตรงนี้นะ เขายัง.....

แต่แล้วความคิดทุกอย่างก็เป็นอันหยุดลง ในหัวของไซน์พลันว่างเปล่าไปชั่วขณะ เมื่อเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ตรงบริเวณท้องน้อยของเขา

“นี่มัน...” ไซน์พึมพำเบาๆก่อนจะทำการยืนยันสมมุติฐานของตัวเองด้วยการล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อของมาสะแล้วทำการลูบไปมา

“อ..ฮ๊า...ไซน์..อา..ทำอะ..ไร..” ไซน์มองร่างบางที่พยายามพูดหยุดเขาอย่างยากลำบาก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมมาสะถึงไม่ยอมบอกเรื่องฤทธิ์ยานั่นกับเขา หึหึ คงจะอายสินะ

“พิสูจน์อะไรนิดหน่อย ตอนนี้ไซน์เข้าใจแล้วว่ามาสะเป็นอะไร..” ไซน์มองร่างบางที่ตอนนี้ซุกหนีเขาเข้าไปในผ้าห่มอย่างเอ็นดู

“ปล่อยผมไว้แบบนี้แหละครับ...เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้าก็หาย...”

“แต่มันทรมาณไม่ใช่เหรอ...ให้ไซน์ช่วยดีกว่านะ” มาสะสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับหลุดเสียงครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เมื่อฝ่ามือแกร่งสัมผัสไปตรงบริเวณที่แข็งขืนดุนดันหน้าท้องของไซน์เมื่อครู่ แต่ไซน์ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากว่านั้นเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นจากร่างบาง

“กลัวเหรอ” มาสะพยักหน้ารับ มันทำให้เขานึกถึงเรื่องน่ากลัวที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อตอนเย็น

“ไม่ต้องกลัวนะไซน์จะลบมันออกไปเอง ไซน์สัญญาว่าจะอ่อนโยนกับมาสะให้มากที่สุด” ไซน์รวบร่างของมาสะให้เข้ามาแนบชิดตัวของเขามากที่สุด ก่อนจุมพิตเบาๆที่หน้าผากเป็นการปลอบประโลม

“ให้ไซน์ช่วยนะ..” มาสะจ้องมองดวงตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยความรักคู่นั้นอย่างครุ่นคิด ก่อนความรู้สึกหนึ่งลึกๆในใจจะผลักดันให้เขาพูตอบออกไป

“ครับ ผมเชื่อไซน์” มาสะตอบรับริมฝีปากหนาที่ประกบลงมาอย่างเต็มใจ พร้อมกับวงแขนบางที่โอบกระชับรอบคอของร่างสูง


ถ้าเป็นไซน์ล่ะก็ เขาเต็มใจที่จะมอบร่างกายและจิตวิญญาณนี้ให้ เขาเชื่อว่าไซน์จะไม่ทำร้ายเขา มาสะตอบรับทุกสัมผัสที่ได้รับอย่างอ่อนหวาน เพื่อบ่งบอกให้รู่ว่า คืนนี้มาสะจะเป็นของไซน์....ต่อแต่นี้ไปเราจะเป็นของกันและกัน...ตลอดไป

ตอนต่อไป >>> ตอนที่ 16

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น