ตอนที่15
อิมาอิแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น
อยู่ๆอาจารย์คนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางห้วงอากาศที่ว่างเปล่า
แล้วยังจัดการพวกนั้นซะสาหัสโดยไม่แม้แต่จะแตะต้อง คนคนนั้นทำได้อย่างไร
อิมาอิได้แต่เงียบเสียงแล้วนั่งดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆด้วยความโล่งใจเล็กๆ
ทุกอย่างคงจะจบแล้วสินะ
แต่เขาก็อดสงสัยท่าทางของอาจารย์ห้องพยาบาลคนนี้ที่มีต่อรุ่นน้องของเขาไม่ได้จริง
“โอ๋ ไม่ร้องนะครับคนดี ไซน์ขอโทษที่มาช้า ไม่เป็นไรแล้วนะ”
ไซน์ยังคงปลอบประโลมมาสะที่ตอนนี้เหลือเพียงอาการสะอึกสะอื้นต่อไป
โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาของอิมาอิ และเสียงโอดโอยของชายอีกสองคนที่นองจมกองเลือดอยู่
“ไซน์..อึก...ผมอยากกลับบ้าน”
“ได้สิ กลับบ้านกันนะ
แต่ก่อนอื่นขอจัดการกับไอ้พวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียสูงเสียหน่อย”
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของไซน์ทำให้มาสะต้องรีบรั้งไซน์ไว้ในทันที
“อย่าทำอะไรพวกเขาเลยนะครับ”
“ทำไมล่ะ พวกมันทำกับมาสะถึงขนาดนี้เลยนะ” ไซน์ถามกลับอย่างไม่พอใจ
พอได้ยินไซน์พูดแบบนั้นแล้ว
สัมผัสน่ารังเกียจเหล่านั้นก็เข้ามาในความคิดของมาสะอีกครั้ง
น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วเริ่มกลับมาไหลอีก
“ไซน์ครับห้ามถึงตายนะ ผมไม่อยากให้ไซน์เป็นฆาตกร...” ทันทีที่พูดจบเสียงโอดครวญของชายสองคนนั้นก็เงียบลง
มาสะไม่รู้หรอกว่าไซน์ทำอะไร เพราะเขาซุกหน้าอยู่กับอกแกร่งตลอดเวลา
ตอนนี้เขาไม่ต้องการที่จะออกห่างจากอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้เลยสักนิด
อิมาอิมองภาพต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกสับสน
เมื่อครู่นี่ทั้งสองคนที่ร้องโอดครวญอยู่ท่ามกลางกองเลือดก็มีอาการเหมือนหายใจไม่ออกพร้อมกับสลบไป?
ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อให้โง่แค่ไหนก็ต้องรู้ว่าเป็นฝีมือของอาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่ที่ดูจะมีความสัมพันธ์พิเศษบางอย่างกับรุ่นน้องของเขา
“เหลืออีกคนที่ต้องจัดการสินะ” ไซน์เบือนหน้ามาทางอิมาอิ ซึ่งทำให้อิมาอิถึงกับเสียววูบ
“วันนี้ก็เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้เที่ยงมาหาครูที่ห้องพยาบาล
คงรู้นะว่าห้ามเอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปพูดน่ะ” อิมาอิพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
คุยพรุ่งนี้เที่ยงที่มีคนอยู่เต็มโรงเรียน ดูยังไงๆก็ดีกว่าคุยกันตอนนี้
ที่ไม่รู้จะโดนเหมือนคนพวกนั้นรึเปล่า
“กลับบ้านกันนะ” ไซน์ก้มลงกระซิบกับมาสะเบาๆก่อนร่างของทั้งสองจะหายวับไปทันที
“เฮ้อ อย่างน้อยก่อนไปก็น่าจะแก้เชือกให้กันหน่อย”
สิ้นเสียงบ่นเชือกที่มัดตัวของอิมาอิอยู่ก็ขาดออกราวกับมีคนรับรู้คำบ่นของเขา
อิมาอิมองไปรอบๆตัวอย่างฉงนแต่ก็ไม่พบใคร เขาจึงตัดสินใจวิ่งออกจากห้องนั้น
มุ่งตรงกลับบ้านในทันที โดยเตือนตัวเองว่า
ถ้ากลับถึงบ้านเมื่อไหร่จะโทรเรียกรถพยาบาลให้สามคนนั้นเสียหน่อย
เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะเป็นเรื่อง...
ทันทีที่มาถึงบ้านไซน์ก็จัดการอุ้มมาสะตรงเข้าห้องน้ำทันที
“อาบน้ำก่อนนะครับคนดี จะได้สดชื่นขึ้น” ไซน์วางมาสะที่ตอนนี้ยังมีอาการสะอื้นหลงเหลืออยู่เล็กน้อยลงในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น
ก่อนค่อยๆหยิบฟองน้ำขึ้นมาถูตามตัวของมาสะอย่างเบามือ
มาสะมองตามฟองน้ำที่ลากผ่านตัวเขาไปอย่างเหม่อลอย ก่อนมือบางจะจัดการคว้ามันออกมา
“อยากอาบเองเหรอ?” มาสะไม่ตอบคำถามของไซน์แต่กลับเริ่มถูฟองน้ำไปที่ลำคอของตนอย่างแรง
จนลำคอขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว แดงจนน่ากลัว
ไซน์เห็นแบบนั้นก็ตกใจรีบหยุดยั้งมือบางทันที
“ทำอะไรน่ะ!”
“ฮือ..ปล่อย..ผมมันสกปรก...ฮึก..ฮืออ..ผมจะขัด...”
มาสะสะบัดมือหลุดจากการกอบกุมของไซน์ แล้วมือบางทั้งสองข้างก็จัดการครูดเล็บไปตามลำคอและหน้าอกจนเป็นรอย
แต่ดีที่ไซน์สามารถหยุดยั้งไว้ได้ทันก่อนที่จะเป็นอะไรมากกว่านั้น
ไซน์ดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดทันทีโดยไม่สนใจว่าเสื้อที่ตนใส่อยู่จะเปียกรึเปล่า
ตอนนี้ของเพียงมาสะสงบลงได้เขาก็พอใจแล้ว
“สกปรกตรงไหนกัน มาสะของไซน์น่ะ สะอาดบริสุทธิ์เสมอ”
“ฮึก...ผมมันสกปรก...ผมไม่คู่ควรกับไซน์อีกแล้ว...ผม..”
ริมฝีปากบางถูกประกบปิดลงก่อนที่จะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
สัมผัสหนักหน่วงราวกับต้องการตอกย้ำให้ร่างในอ้อมแขนนี้รับรู้ว่าตนเองสำคัญแค่ไหน
ไซน์ค่อยๆละริมฝีปากออกมาอย่างช้าๆ โดยที่หน้าผากของทั้งสองยังติดกันอยู่
เมื่อเห็นว่ามาสะสงบลงและไม่มีท่าทางที่จะทำร้ายตัวเองอีกไซน์ก็เริ่มพูด
“ใครบอกมาสะไม่คู่ควร ไหนบอกว่าจะอยู่กับไซน์ไง ไซน์รักมาสะนะ ต่อให้พวกชั่วนั่นทำกับมาสะมากกว่านี้
ไซน์ก็จะแต่งกับมาสะ ไม่ยอมรับหรอก มาสะสัญญาแล้วว่าจะแต่งกับไซน์ ไซน์จะไม่ยอมปล่อยมาสะไปเด็ดขาด”
มาสะจ้องมองดวงตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยประกายความหนักแน่น
บ่งบอกถึงความจริงใจคู่นั้น
มาสะตัดสินใจหลบดวงตาลงก่อนริมฝีปากบางจะขยับเล็กน้อยส่งผ่านถ้อยคำที่ดังราวกับเสียงกระซิบ
“ผม..มาสะก็รักไซน์ครับ” เสียงที่เบาราวกับเสียงของสายลม
แต่ถ้อยคำเบาๆนี้เองที่กำลังทำให้หัวใจของผู้รับฟองอิ่มเอมและพองโตอย่างไม่เคยเป็น
“มาสะแต่งงานกับไซน์นะ”
“...ครับ...”
ถ้อยคำแต่ละประโยคช่างแผ่วเบาเกินกว่าที่ใครคนอื่นจะได้ยินแต่ทั้งสองคนที่อยู่แนบชิดกันได้ยินมันอย่างชัดเจน
ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบติดกันอีกครั้ง ครั้งอ่อนหวานและนุ่มนวลกว่าใครใดๆ
ในหูของมาสะพลันแว่วเสียงบทเพลงบรรเลงหวานซึ้ง
สลับกับเสียงประสานคล้ายบทสวดที่เขาฟังไม่เข้าใจ แต่กลับชวนให้หัวใจรู้สึกอิ่มเอม
ดวงตาที่หลับพริ้มรับสัมผัสเมื่อครู่ค่อยๆเปิดขึ้นช้าเมื่อบทเพลงในหูจบลงพร้อมๆกับสัมผัสอุ่นที่ละจากริมฝีปากไป
ทันทีที่เปลือกตาเปิดขึ้น
มาสะพลันรับรู้ถึงแสงบางอย่างที่ทอประกายอยู่ระหว่างร่างของทั้งสอง
มาสะก้มมองไปยังแหล่งกำเนิดแสงดังกล่าว
แล้วจึงพบว่ามันมีที่มาจากตรงกลางอกของเขาเอง
รอยสักลวดลายแปลกตาที่เหมือนจะมีสัญลักษณ์และตัวอักษรกำกับอยู่
ลวดลายเหล่านั้นทอประกายแสงต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะดับลงเหลือเป็นรอยสักสีขาวซีดๆบริเวณหน้าอกของเขาตรงตำแหน่งของหัวใจพอดี
“นี่มัน...” มาสะพึมพำเบาๆ พร้อมกับเอามือลูบรอยสักแปลกๆนั้น อย่างพิจารณา
เหมือนเคยเห็นที่ไหน
“เมื่อกี้เป็นพิธีกรรมน่ะ” ไซน์อธิบายเมื่อเห็นใบหน้างุนงงของมาสะ
“พิธีแต่งงานของเราชาวปิศาจไม่จำเป็นต้องจัดที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
หรือมีสักขีพยาน พิธีสามารถเริ่มได้ทันทีที่ทั้งสองคนตกลงรับคำขอ
เมื่อครู่มาสะคงจะได้ยินสินะ บทเพลงอวยพรความรักน่ะ” มาสะพยักหน้ารับ
ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเขินๆว่า
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราสองคนก็เป็นสามีภรรยากันแล้วเหรอ?”
ไซน์มองหน้าแดงๆของมาสะอย่างอ่อนโยน มาสะของเขาน่ารักจริงๆ
“ยังหรอก
ถ้าเทียบแบบพวกมนุษย์ตอนนี้เราสองคนก็คงจะเป็น....อืม..คล้ายๆคู่หมั้นอะไรแบบนี้”
มาสะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“รอยสักนี่เป็นตราประทับน่ะ ปีศาจทุกคู่ที่เข้าพิธีสาบานรักกันจะต้องมี
นี่ตรงนี้เป็นชื่อของเราสองคนเขียนด้วยภาษาโบราณน่ะ
แล้วตรงนี้ก็เป็นตราประจำตระกูล แล้วถ้าพันธะนี้สมบูรณ์เมื่อไหร่
สีของรอยสักนี่จะเปลี่ยนไปตามระดับฐานฐานะของปีศาจตนนั้นๆ อย่างของเราสองคนจะเป็นสีทอง
สีของราชวงศ์..”
มาสะมองตามนิ้วของไซน์ที่ไล่ไปตามลวดลายบนอกของเขาอย่างตั้งใจ
พร้อมกับพยายามไม่นึกถึงความรู้สึกจั๊กจี้แบบแปลกๆที่เกิดขึ้น
“แล้วพันธะจะเรียกว่าสมบูรณ์ตอนไหนเหรอครับ”
มาสะถามออกไปอย่างสงสัยโดยไม่ได้รับรู้ประกายบางอย่างที่ปรากฏขึ้นในดวงตาสีม่วงคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย
ไซน์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูของมาสะด้วยน้ำเสียง
ที่ทำให้มาสะหัวใจเต้มแรงอย่างไม่มีเหตุผล
“ก็ตอนที่คนทั้งสองรวมเป็นหนึ่งเดียวกันไง”
มาสะตอนใช้เวลาครู่หนึ่งในการทำความเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคได้
ไซน์มองร่างบางที่ตอนนี้หลบสายตาของเขาเข้าไปซุกอยู่กับอกเสื้อเปียกๆอย่างเอ็นดู
เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าถึงจะพยายามซ่อนใบหน้าที่แดงนั่นยังไง
แต่หูกับคอนั่นก็ไม่พ้นสายตาของเขาอยู่ดี
“ไม่จำเป็นต้องคืนนี้ก็ได้
ไซน์รอได้ เพียงแค่พันธะตอนนี้น่าจะยืดเวลาของมาสะออกไปได้อีกหลายอาทิตย์
ไซน์จะไม่ฝืนใจมาสะหรอก” เขารู้ว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับร่างบางในตอนนี้
วันนี้คนในอ้อมแขนของเขาเจออะไรมามากเกินพอแล้ว ไซน์ลูบศีรษะของมาสะอย่างทะนุถนอม
ซึ่งตัวของมาสะเองก็รับสำผัสนั้นนิ่งๆอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง
“ขึ้นเถอะเดี๋ยวจะเป็นหวัด”
ไซน์บอกพร้อมกัยชิงหอมแก้มเนียนไปเสียหนึ่งที
โดยเขาคิดเอาเองว่าอาการสะดุ้งจากร่างบางน่าจะเกิดจากการตกใจในการกระทำของเขา
มาสะขึ้นจากอ่างตามที่ไซน์บอก
เขาพยายามแย่งผ้าเช็ดตัวจากมือของไซน์ที่ยืนยันจะเช็ดตัวให้เขา
มาสะไม่รังเกียจอะไรที่ไซน์ทำแบบนี้หรอก ถ้าเป็นวันปกติอื่นๆ
เขาคงจะยืนนิ่งๆให้ไซน์เช็ดตัวให้อย่างเต็มใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
ร่างกายของเขามีบางอย่างผิดปกติ
ทุกๆการกระทำของไซน์ที่สำมผัสถูกร่างของเขามันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
ทุกที่ที่ถูกสัมผัสนั้นกลับร้อนขึ้นอย่างประหลาด
มาสะพยายามระงับหัวใจของตัวเองที่เต้นถี่รัวอย่างหยุดไม่ได้
พร้อมทั้งพยายามกลั้นเสียงแปลกๆที่ดูเหมือนจะพยายามเล็ดรอดออกมาจากคอของเขาทุกครั้งไปที่ถูกสัมผัส
“เอาล่ะเสร็จแล้ว”
ไซน์กล่าวขึ้นขณะที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกติดให้เรียบร้อย
ก่อนจะหันไปจัดการกับเสื้อผ้าเปียกๆของตนเองพลางชวนมาสะคุย
“มาสะหิวมั้ย
ถ้าหิวจะได้ไปเตรียมข้าวให้”
“ไม่ครับ...”
“แล้วมีอะไรอยากทำมั้ย
ดูทีวี หรือว่าจะนอนเลย”
ไซน์หันมาถามหลังจากที่จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“ผมขอนอนเลยแล้วกัน....ไซน์จะไปทำอย่างอื่นก็ได้นะครับผมนอนคนเดียวได้”
แต่ดูเหมือนไซน์จะไม่ได้ฟังที่มาสะพูด เขาจัดการช้อนตัวมาสะขึ้นก่อนเดินตรงเข้าสู่ห้องนอนทันที
“นอนด้วยกันนี่แหละ”
ไซน์อุ้มมาสะเดินเข้าห้องนอนไปอย่างอารมณ์ดี คนตัวเล็กของเขาเริ่มหายเศร้าแล้ว
“ผมเดินเองก็ได้
ไซน์ไม่ต้องอุ้มหรอก” มาสะพยายามจะลงมาเดินเอง แต่ไซน์ก็ไม่ยอมปล่อย
จนสุดท้ายก็ต้องยอมให้ไซน์อุ้มแต่โดยดี
ใกล้เกินไปแล้ว
มาสะคิด เขากลัวเหลือเกินว่าไซน์จะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ของเขา
อีกทั้งร่างกายที่ผิดปกตินี่
ความร้อนนั้นดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีไซน์อยู่ใกล้ๆ
ไซน์วางมาสะลงบนเตียงอย่างเบามือ
ก่อนจะจัดการดึงผ้าห่มให้คลุมร่างของทั้งสอง พร้อมกับรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด
เป็นแบบนี้มานานพอสมควรแล้ว
ตั้งแต่ที่ไซน์มาอยู่ด้วยกัน
ทั้งสองคนก็นอนกอดกันแบบนี้จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
มาสะซุกตัวเข้าหาอ้อมอกแกร่งก่อนจะพยายามข่มตาหลับ
โดยทำเป็นไม่สนใจความร้อนที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในกาย แต่ก็ดูเหมือนว่าไซน์จะยังไม่ยอมให้มาสะนอนง่ายๆ
“จูบราตรีสวัสดิ์”
คำพูดสั้นๆที่มาพร้อมกับสัมผัสที่ริมฝีปาก มาสะตกใจกับสัมผัสที่กะทันหันนั้น
แต่ก็คล้อยตามไปอย่างรวดเร็ว
ความร้อนในกายดูเหมือนจะผลักดันร่างบางให้ตอบรับสัมผัสจากร่างสูงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกันเกินกว่าจะเรียกว่า ’จูบราตรีสวัสดิ์’ ได้
ไซน์แปลกใจเล็กน้อยกับการตอบรับที่ไม่คาดฝันจากร่างในอ้อมแขน
ยิ่งร่างบางตอบรับอย่างร้อนแรงขนาดนี้แล้วด้วย เขาจะยอมให้น้อยหน้ากว่าได้อย่างไร
จุมพิตครั้งนี้เร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆราวกับจะแข่งกันว่าใครจะเป็นคนยอมแพ้แล้วผละออกไปก่อนกัน...
“แฮ่กๆ...ฮ๊า...”
เป็นมาสะที่ผละออกมาก่อนเพื่อสูดอากาศหายใจ แต่ก็ต้องเผลอครางออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อถูกฝ่ามือแกร่งลูบเบาๆที่ใบหน้า
ไซน์มองปฏิกิริยาของมาสะอย่างแปลกใจ
ปกติมาสะเป็นคนที่ไวต่อสัมผัสของเขาอยู่แล้ว แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมร่างบางถึงได้ดูไวต่อสัมผัสกว่าปกติ
ไซน์ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน เขาดึงร่างบางที่ตอนนี้ยังคงหายใจแรงเพื่อสูดอากาศให้เข้ามาใกล้
ก่อนก้มลงประทับจูบที่ลำคอ ซึ่งตอนนี้ยังคงแดงด้วยฝีมือเจ้าตัวอยู่เลย
“อ๊า...อุ๊บ”
มาสะปิดปากตัวเองที่หลุดเสียงครางออกมาแทบไม่ทัน
ตรงบริเวณที่ไซน์สัมผัสมันรู้สึกร้อนไปหมด จนเขาควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ อ่า
นี่เขาเผลอทำตัวแปลกๆให้ไซน์เห็นรึเปล่านะ
“มาสะเป็นอะไรมากรึเปล่า”
ไซน์ถามอย่างเป็นห่วงกับปฏิกิริยาที่แปลกไปของร่างบาง
“ม..ไม่เป็นไรครับ...เรา...นอนกันดีกว่า”
มาสะพยายามเบี่ยงเบนความสงสัยของไซน์ แล้วซุกตัวนอนในผ้าห่ม พร้อมกับข่มตาลง พยายามไม่สนใจความร้อนในร่างกายที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
เพิ่มมากจนเขาเริ่มอึดอัด
ไซน์พิจารณาท่าทางแปลกๆที่มาสะแสดงออกมาด้วยความสงสัย
ไซน์ค่อยๆเลื่อนมือไปสัมผัสร่างบางที่ตอนนี้หลับตาอยู่อย่างแผ่วเบา
ทันทีที่สัมผัสถูกร่างบางก็กระตุกเกร็งพร้อมกับหลุดเสียงครางออกมา
แถมอัตราการหายใจก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ไม่ปกติ
นี่มันไม่ปกติสุดๆ เกิดอะไรขึ้นกับมาสะของเขาอย่างนั้นเหรอ แล้วภาพตอนที่เข้าไปช่วยมาสะก็ผุดขึ้นมาในหัวของไซน์
ยานั่น!
“มาสะ
ยาที่พวกนั้นให้มาสะดื่มคือยาอะไร” ไซน์จัดการขึ้นคล่อมร่างบาง ก่อนจับให้ใบหน้าหวานสบตากับเขา
เขาจะไม่ปล่อยให้มาสะนอนตอนนี้แน่ถ้ายังไม่รู้ว่ายานั่นมีผลอย่างไรกับคนรักของเขา
มาสะพยายามที่จะหลบสายตาคาดคั้น
ที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั้น
แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถเพราะมือทั้งสองข้างของไซน์จัดการยึดใบหน้าของเขาไว้
“ยานั่นใช่มั้ยที่ทำให้มาสะแปลกๆน่ะ
ขอร้องล่ะบอกไซน์เถอะ ไซน์เป็นห่วงนะ” มาสะรู้สึกผิดที่ทำให้ร่างสูงต้องเป็นห่วง
แต่ใหนึ่งเขาก็อายเกินกว่าจะบอกไซน์เรื่องยา
แต่สายตาที่เว้าวอนนั่นก็ทำให้มาสะใจอ่อนจนได้
“นั่นมัน...ยาปลุก....ครับ”
มาสะรู้ดีว่าตอนนี้ในหน้าของเขาต้องแดงมากแน่ๆ นี่เขาพูดอะไรน่าอายแบบนั้นออกไปได้ยังไง
“ยาปลุก?
แล้วมันมีฤทธิ์ยังไง?” ไซน์มองหน้ามาสะที่ตอนนี้เหวอสุดๆอย่างขำๆ
มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอที่เขาไม่รู้จักยาที่ว่านั่น
ปีศาจอย่างเขาไม่ป่วยบ่อยนักหรอก ยิ่งยาของพวกมนุษย์แล้ว
ถ้าไม่ใช่ตัวยาที่ถูกพูดถึงกับบ่อยๆเขาไม่มีทางรู้จักหรอก
“เอ่อ...”
มาสะอึกอัก ลังเลว่าจะบอกไซน์ไปดีมั้ย แต่แค่พูดชื่อยานั่นก็อายจะแย่อยู่แล้ว
นี่เขาจะต้องมาบรรยายสรรพคุณของมันให้ไซน์ฟังอย่างนั้นเหรอ พูดไม่ได้
ยังไงก็พูดไม่ได้ เรื่องน่าอายขนาดนั้น
ไซน์มองในหน้าที่ซีดสลีบแดงอย่างเป็นห่วง
หรือยานั่นจะมีฤทธิ์ร้ายแรง
ด้วยความเป็นห่วงไซน์จึงเอื้อมมือไปสัมผัสตัวของมาสะอีกครั้ง
เขาอยากรู้ว่าคนตัวเล็กของเขายังสบายดีอยู่ใช่มั้ย
“อ๊ะ..”
“เจ็บเหรอ?”
ไซน์ไม่แน่ใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของร่างบาง
มันดูเหมือนมาสะกำลังพยายามเชิญชวนเขาอยู่แต่ ร่างเล็กกับดูทรมาน?
“ไม่ครับ...แต่ว่า...”
มาสะส่ายหน้าน้อยๆก่อนเบนสายตาหนีนัยน์ตาสีม่วงที่จ้องมองมาอย่างเป็นห่วงคู่นั้น
“แต่อะไรทำไมมาสะไม่บอกไซน์ล่ะ
ไซน์เป็นห่วงมาสะนะ” ไซน์กล่าวอย่างตัดพ้อ ทำไมมาสะถึงไม่ยอมบอกเขา
ไซน์รวบตัวของมาสะเขามากอด กอดให้แน่นที่สุด เพื่อให้ร่างบางรับรู้ว่า
เขาอยู่ตรงนี้นะ เขายัง.....
แต่แล้วความคิดทุกอย่างก็เป็นอันหยุดลง
ในหัวของไซน์พลันว่างเปล่าไปชั่วขณะ
เมื่อเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ตรงบริเวณท้องน้อยของเขา
“นี่มัน...” ไซน์พึมพำเบาๆก่อนจะทำการยืนยันสมมุติฐานของตัวเองด้วยการล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อของมาสะแล้วทำการลูบไปมา
“อ..ฮ๊า...ไซน์..อา..ทำอะ..ไร..”
ไซน์มองร่างบางที่พยายามพูดหยุดเขาอย่างยากลำบาก
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมมาสะถึงไม่ยอมบอกเรื่องฤทธิ์ยานั่นกับเขา หึหึ คงจะอายสินะ
“พิสูจน์อะไรนิดหน่อย
ตอนนี้ไซน์เข้าใจแล้วว่ามาสะเป็นอะไร..”
ไซน์มองร่างบางที่ตอนนี้ซุกหนีเขาเข้าไปในผ้าห่มอย่างเอ็นดู
“ปล่อยผมไว้แบบนี้แหละครับ...เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้าก็หาย...”
“แต่มันทรมาณไม่ใช่เหรอ...ให้ไซน์ช่วยดีกว่านะ”
มาสะสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับหลุดเสียงครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
เมื่อฝ่ามือแกร่งสัมผัสไปตรงบริเวณที่แข็งขืนดุนดันหน้าท้องของไซน์เมื่อครู่
แต่ไซน์ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากว่านั้นเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นจากร่างบาง
“กลัวเหรอ”
มาสะพยักหน้ารับ มันทำให้เขานึกถึงเรื่องน่ากลัวที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อตอนเย็น
“ไม่ต้องกลัวนะไซน์จะลบมันออกไปเอง
ไซน์สัญญาว่าจะอ่อนโยนกับมาสะให้มากที่สุด”
ไซน์รวบร่างของมาสะให้เข้ามาแนบชิดตัวของเขามากที่สุด
ก่อนจุมพิตเบาๆที่หน้าผากเป็นการปลอบประโลม
“ให้ไซน์ช่วยนะ..”
มาสะจ้องมองดวงตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยความรักคู่นั้นอย่างครุ่นคิด
ก่อนความรู้สึกหนึ่งลึกๆในใจจะผลักดันให้เขาพูตอบออกไป
“ครับ
ผมเชื่อไซน์” มาสะตอบรับริมฝีปากหนาที่ประกบลงมาอย่างเต็มใจ
พร้อมกับวงแขนบางที่โอบกระชับรอบคอของร่างสูง
ถ้าเป็นไซน์ล่ะก็
เขาเต็มใจที่จะมอบร่างกายและจิตวิญญาณนี้ให้ เขาเชื่อว่าไซน์จะไม่ทำร้ายเขา
มาสะตอบรับทุกสัมผัสที่ได้รับอย่างอ่อนหวาน เพื่อบ่งบอกให้รู่ว่า คืนนี้มาสะจะเป็นของไซน์....ต่อแต่นี้ไปเราจะเป็นของกันและกัน...ตลอดไป
ตอนต่อไป >>> ตอนที่ 16
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น