วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รักนาย เจ้าชายปีศาจของฉัน(Yaoi) ตอนที่1 ความฝัน

ตอนที่ความฝัน
...ทั้งร้อนแรง และหอมหวาน
 เสียงนั้น ร่างกายนั้น ทุกสัมผัสที่ส่งมอบให้กัน
ล้วนเต็มตื้นไปด้วยความสุข หรรษา
และโหยหาจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้
แต่ร่างกายของทั้งสองกลับรับรู้ได้ทุกอณู....

                แสงแดดสาดส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อน กระทบเข้ากับร่างของเด็กหนุ่มที่นอนหลับอยู่บนเตียง แพขนตาหนาค่อยๆปรือขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อรับรู้ถึงเสียงนกร้องขับขานต้องรับวันใหม่ ดวงตาสีเปลือกไม้มองกวาดไปทั่วห้องเพื่อหวังปรับโฟกัส ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียง ฉับพลันเด็กหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างบริเวณหว่างขาของตน
                “เฮ้อ ฝันเปียกอีกแล้วสิเรา”เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่เราฝันแบบนี้ ให้ตายสิถ้าเป็นคนอื่นคงฝันว่าได้มีอะไรกับคนที่ชอบ หรือไม่ก็พวกดาราสาวสวยๆ แต่ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้นะ ฝันว่ามีอะไรกับผู้ชาย...ใช่! ผู้ชายทั้งแท่งด้วยแถมยังเป็นคนที่เขาไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ทุกครั้งที่ฝันเขากลับฝันถึงแต่คนๆนี้ทุกครั้ง!

                เขาพยายามพยายามขยี้หัวตัวเองอย่างแรงเพื่อสลัดภาพน่าอายในความฝันนั้นทิ้งไป ปีนี้เขาจะ17แล้วนะ เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะมามัวกังวลกับเรื่องความฝันบ้าๆแบบนี้ได้ยังไง เขา อิซึกิ มาซาฮิโกะ จะมามั้วฟุ้งซ่านแบบนี้ไม่ได้! เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ได้เวลาที่ต้องไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวจะแย่...

~กริ๊ง กริ๊ง~
//ฮัลโหล มาสะนี้ลุงเองนะ ป้าเขาให้โทรมาถามว่าอยู่คนเดียวไม่เป็นไรนะ จะไม่มาอยู่ด้วยกันกับลุงกับป้าจริงๆเหรอ// มาสะเป็นชื่อเล่นที่คนในครอบครัวเรียก เพราะชื่อมาซาฮิโกะมันยาวเกินไป

                “ผมสบายดีครับ ผมอยู่คนเดียวมาจะ3ปีแล้วไม่เป็นไรหรอกครับ คุณลุงบอกคุณป้าด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไม่ว่ายังไงผมก็จะอยู่บ้านหลังนี้ต่อ”

                //อืมๆ ว่าแล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้ ลุงก็บอกป้าเธอไปแล้วนะแต่เขาก็ไม่ยอมเชื่อจะให้ลุงโทรมาให้ได้...!ฉันเป็นห่วงหลานฉันมันผิดตรงไหนฮึตาแก่!!! เฮ้อ สงสัยลุงคงต้องวางแล้ว ไว้ว่างๆลุงจะโทรไปใหม่นะ..อ๊ะ..เธอเนี่ยน้า//~ตื๊ด~ตื๊ด~

                “สงสัยทะเลาะกันอีกล่ะมั้ง ไปอาบน้ำดีกว่า เหนียวตัวจะแย่แล้ว”แล้วมาสะก็เดินตรงเข้าห้องน้ำไป

                ตอนนี้มาสะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงคนเดียว สาเหตุเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ3ปีก่อน ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกขับรถเพื่อที่จะไปเที่ยวกันในวันหยุด แต่ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น พ่อและแม่ของมาสะเสียชีวิตทันที ส่วนมาสะนั้นรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ญาติพี่น้องที่เหลืออยู่ก็มีแค่ลุงกับป้าสองคน ทั้งสองคนไม่ลูกจึงพยายามชวนมาสะไปอยู่ด้วยกัน แต่มาสะก็ปฏิเสธทุกครั้ง และยืนยันว่าจะอยู่บ้านหลังนี้เหมือนเดิม บ้านที่เขาเกิดและเติบโตมา ถึงจะอยู่คนเดียวแต่มาสะก็ไม่ได้รบกวนเรื่องเงินจากคุณลุงคุณป้าเพราะเงินเก็บของพ่อแม่บวกกับเงินค่าประกันของทั้งคู่ มีมากพอที่มาสะจะใช้ชีวิตสบายไปวันๆได้อีกเกือบสิบปี แต่เขาก็เลือกที่จะหางานพิเศษทำโดยการเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารของคนรู้จัก ซึ่งก็ช่วยประหยัดค่าอาหารไปได้พอสมควร

                วันนี้เป็นวันอาทิตย์มาสะจึงไม่มีเรียนและร้านอาหารที่ทำงานพิเศษก็ปิด ทำให้วันนี้เขาว่างทั้งวัน เมื่อสำรวจดูของในตู้เย็นและเห็นว่าของสดหมดแล้ว เขาเลยจะออกไปซื้อของที่ตลาดสักหน่อย

                “อืม หลักๆก็ต้องซื้อเนื้อกับผักสินะ เหมือนสบู่ก็จะหมดด้วยนี่นา ซื้อมาทีเดียวเลยแล้วกัน” มาสะจดรายการข้าวของที่ต้องซื้อลงในกระดาษเพื่อกันลืมก่อนออกจากบ้าน

                บ้านของมาสะอยู่ค่อนข้างไกลจากย่านการค้าพอสมควร ทำให้ต้องใช้เวลาเดินถึง30นาที แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเขาเลย ด้วยว่าเขาอยู่ชมรมคาราเต้เลยมีโอกาสได้ฝึกฝนร่างกายบ่อยๆจึงสามารถ
เดินไปกลับได้โดยไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย ระหว่างทางที่เดินไปนั้นเอง มาสะได้เดินผ่านกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง แล้วหูเจ้ากรรมก็ดันไปได้ยินบทสนทนาเข้า

                “เฮ้ย เมื่อเช้าข้าฝันว่ะ ฝันว่าได้มีอะไรกับอายะจังด้วย ในฝันนะอายะจังโคตรน่ารักอ่ะ พอตื่นเข้ามาเลยต้องมานั่งซักกางเกงใน ชุ่มเลย ฮ่าๆๆๆ”

                “โห สุดยอด ข้าอยากฝันแบบนั้นบ้างอ่ะ แมร่งง เมื่อคืนดันฝันว่าโดนตุ๊ดปล้ำ เล่นซะนอนไม่หลับเลย แค่คิดก็สยองแล้วว่ะ บรื๋อ กล้ามนี้นะเป็นมัดๆอ่ะ”

                “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

                คุยบ้าอะไรกันแต่เช้าเนี่ย! มาสะคิดอย่างหัวเสียนิดๆ เพราะคำพูดพวกนั้นทำให้ภาพความฝันเมื่อเช้ากลับมาอีกครั้ง

                ผู้ชายคนนั้นคนที่มีอะไรกับเขาคืนแล้วคืนเล่า รูปร่างสูงโปร่ง สมส่วนมีกล้ามนิดหน่อย รอยสักหน้าตาประหลาดตรงอกข้างซ้าย ผมสีชายาวประบ่า นัยน์ตาสีม่วงคู่นั้น เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมา ความร้อนแรงที่ส่งผ่าน... พอคิดถึงตรงนี้ก็อดที่จะหน้าแดงขึ้นไม่ได้ ทำไมในความฝันเขาถึงได้ไม่รังเกียจอะไรผู้ชายคนนั้นเลยทั้งที่เป็นเพศเดียวกัน มาสะเหม่อไปกับความคิดจนไม่ทันได้สังเกตเห็นรถที่วิ่งตรงมาทางตน

                “ระวัง!!”ก่อนที่มาสะจะทันได้รู้สึกตัวร่างกายก็ถูกกระชากหลบรถคันนั้นได้ทันอย่างเฉียดฉิว

                “ไม่เป็นไรนะพ่อหนุ่ม”คุณลุงที่ท่าทางจะเป็นพนักงานบริษัทที่ช่วยมาสะไว้ถามขึ้นอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้

                “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากนะครับพอดีผมเดินเหม่อไปหน่อย”

                “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อย ดูซิเปื้อนฝุ่นหมดแล้ว”ทันทีที่พูดจบคุณลุงคนนั้นก็ลงมีปัดฝุ่นตามตัวของมาสะออกให้ด้วยความหวังดี แต่ถึงอย่างนั้นมาสะก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ชอบใจมือที่ปัดไปมานั้นอยู่ดี จะบอกว่ารังเกียจก็ดูจะแรงไปหน่อย เอาเป็นว่าไม่ชอบแล้วกัน

                “เดินดีๆล่ะ อย่าไปเหม่อให้รถที่ไหนชนเข้าล่ะ ลุงไปทำงานแล้ว”

                “ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยไว้” มาสะโค้งให้คุณลุงเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะออกเดินไปอีกทาง มาสะอดคิดไม่ได้จริงๆว่ากับคุณที่ท่าทางใจดีคนนั้น เขายังนึกไม่ชอบใจมือที่ปัดไปมาเลย แต่ทำไมกับผู้ชายในความฝันคนนั้นเขากลับยอมให้สัมผัสอย่างเต็มใจ แล้วมาสะก็ตัดสินใจเลิกคิด เพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเหม่อจนเดินไปให้รถชนอีกก็ได้

                “วันนี้ได้ของดีๆมาเยอะเลย ทำอะไรกินดีนะ”ขณะที่มาสะกำลังคิดเมนูอาหารระหว่างทางกลับบ้านเพลินๆอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงๆหนึ่งดึงดูดความสนใจของเขาไป

                “หนุ่มน้อยคนนั้นน่ะ ใช่ เธอนั่นแหละ” หญิงชราที่ดูจากการแต่งตัวแล้วท่าทางน่าจะเป็นหมดดูเรียกมาสะเอาไว้ก่อนที่เธอจะเริ่มพูด

                “เธอ!...เธอมีบางอย่าง บางอย่างที่ดำมืดคอยตามดูเธออยู่...สิ่งนั้น...ไม่สิ...คนคนนั้น...ชายผู้ที่มีดวงตาสีม่วง...เขากำลังเฝ้ามองเธออยู่...กำลังมองเธอ...เฝ้ารอเวลาที่จะทวงคืนคำสัญญา...”

                “เดี๋ยวๆผมไม่ได้ขอให้ดูนะ แล้วผมก็ไม่มีเงินให้ด้วย” มาสะรีบพูดก่อนที่จะเดินผละออกมา

                “ระวัง!!..อีกไม่นาน...ชายคนนั้น...คนที่มีดวงตาสีม่วงจะมา...เขาจะมา!!!!”หญิงชราไม่ละความพยายามตะโกนบอกมาสะที่เดินห่างออกมาไกลพอสมควร แต่เขาก็ยังสามารถได้ยินเสียงของหญิงชราคนนั้นอยู่ มาสะไม่คิดจะหันไปดูว่าหญิงชราคนนั้นจะทำอะไรต่อหรือไม่ เขาเดินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจ แต่คำพูดประโยคสุดท้ายก็ยังคงก้องอยู่ในหัวเขา...ชายที่มีนัยน์ตาสีม่วงเหรอ มันทำให้เขาอดนึกถึงผู้ชายในฝันคนนั้นไม่ได้เลยจริงๆ

                “ฟุ้งซ่านอีกแล้วเรา รีบกลับบ้านไปหาอะไรเย็นๆกินดีกว่า”

                “วันนี้มันอะไรกันนักกันหนาเนี่ย มีแต่เรื่องที่ทำให้คิดถึงผู้ชายคนนั้น” มาสะบ่นกระปอดกระแปดตลอดทางเดินกลับบ้าน

                “พ่อครับแม่ครับ วันนี้ผมก็สบายดีครับไม่ต้องห่วงผมนะครับ...”มาสะพูดกับรูปของพ่อและแม่ที่ตั้งอยู่คู่กันตรงศาลเล็กๆในบ้าน

                “อันที่จริง วันนี้ผมก็ฝันอีกแล้วล่ะครับ ฝันถึงผู้ชายคนนั้น...”แล้วมาสะก็เริ่มเล่าเรื่องของความฝันรวมถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นวันนี้ให้พ่อกับแม่ฟัง มาสะมักจะไหว้พ่อแม่และเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง ถึงแม้ว่ามาสะจะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกท่านไม่อยู่อีกแล้ว และไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่อย่างน้อยทั้งคู่ก็ยังรับฟังได้ ซึ่งนั่นทำให้มาสะสบายใจขึ้น


“มาสะ...มาซาฮิโกะ” เสียงทุ้มนุ่มที่พร่ำเรียกชื่อเขาไม่หยุด สัมผัสอันร้อนแรงที่โถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มันช่างหอมหวานอะไรเช่นนี้ หวานล้ำจนไม่อาจต้านทานไหว...

                ตุ้บ!!! อูย~เจ็บ นี่เขานอนตกเตียงเหรอเนี่ย มาสะลูบสะโพกที่ปวดเบาๆ ก่อนจะหวนไปถึงความฝันเมื่อครู่ ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ทำไมกันนะ ทำไม สงสัยต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ซะแล้วมั้งเนี่ย เกิดเป็นโรคจิตระยะแรกขึ้นมาล่ะแย่แน่ๆ มาสะขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำ

                มาสะใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนจะออกมาพร้อมกับชุดนักเรียน ตอนนี้หน้าปัดนาฬิกาเพิ่งจะชี้บอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาตี5 แต่เนื่องจากตอนนี้มาสะไม่รู้สึกอยากนอนซักนิด จึงตัดสินใจเดินออกจากห้องนอน

                “ถ้านอนต่อภาพของเขาคนนั้นต้องลอยขึ้นมาอีกแน่ๆ” มาสะเริ่มรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เริ่มแทรกเข้ามาในจิตใจเขาเรื่อยๆ ตอนนี้มาสะเหม่อทีเป็นต้องคิดถึงผู้ชายคนนั้นทุกครั้งไป

                “เฮ้อ~วันนี้ทำข้าวกล่องไปกินดีกว่า ตื่นก่อนเวลาตั้งขนาดนี้ทำกล่องใหญ่ไปเลยแล้วกัน เมื่อวานอุตส่าห์ได้ของถูกมาเยอะ” มาสะพูดกับตัวเองก่อนจะจัดการผูกผ้ากันเปื้อนแล้วเดินเข้าครัวไป


                “อรุณสวัสดิ์” “ไง” “เป็นไงบ้าง” “เอาการบ้านมาดูหน่อยดิ” และอื่นๆอีกมากมายที่นักเรียนโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ทักทายกันยามเช้า เหล่าบรรดานักเรียนเริ่มทยอยเข้าห้องเรียนกันมากขึ้นเพราะเรื่อยเพราะนี้ก็ใกล้จะแปดโมงแล้ว

                มาสะเองตอนนี้ก็ได้มาถึงห้องของเขาแล้ว ปี 2 ห้อง 3 ที่นั่งของเขาอยู่ติดริมหน้าต่างค่อนไปทางหลังห้อง ทำให้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควรเพราะโต๊ะหลังจากเขาเป็นโต๊ะว่าง

                “ไงอิซึกิ อรุณสวัสดิ์” เสียงทักทายดังมาจากทางประตู คนที่ทักเขาคือเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา ไอ้โด้ โยชิยูกิ รู้จักกันตอนที่เข้ามาเรียนโรงเรียนนี้ใหม่ๆ ไอ้โด้เป็นคนอัธยาศัยดี ทำให้มีเพื่อนเยอะ ต่างจากเขาที่ออกจะเป็นคนเงียบๆ แต่ถึงอย่างนั้นไอ้โด้ก็มักจะเข้ามาชวนเขาคุยด้วยบ่อยๆ มาสะเคยถามเหตุผลว่าทำไมถึงมาชวนคนพูดไม่ค่อยเก่งอย่างเขาคุย และนั่นก็ทำให้เขารู้ว่าไอโด้เองก็เสียคุณแม่ไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เหมือนกัน ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนหัวอกเดียวกัน
และไม่อยากให้มาสะเศร้าเพราะขนาดไอโด้เสียแค่แม่คนเดียวเขายังแทบทนไม่ได้ แต่มาสะกลับเสียทั้งพ่อทั้งแม่ไปพร้อมๆกันคงจะเศร้ามากแน่ๆ ไอโด้จึงอยากเป็นเพื่อนกับมาสะและอยากให้เขายิ้มเยอะๆ

                “อรุณสวัสดิ์ ไอโด้” มาสะทักตอบขณะที่เก็บของเขาในลิ้นชักใต้โต๊ะ

                “นั่นแน่~ข้าวกล่องจากสาวที่ไหนล่ะเนี่ย” ไอโด้ทำเสียงล้อเลียนก่อนจะเดินเข้ามาดูใกล้ๆ

                “เปล่า อันนี้ฉันทำเอง พอดีเมื่อเช้าตื่นเช้าไปหน่อยเลยมีเวลาทำน่ะ”

                “อืมๆ” ไอโด้พยักหน้าตอบง่ายๆแต่สายตายังไม่ละไปจากข้าวกล่อง แถมยังจ้องไม่วางตาอีกต่างหาก และเหมือนมาสะจะสังเกตเห็นเลยตอบไปว่า

                “ถ้านายอยากกินฉันแบ่งให้ก็ได้ ฉันทำมาเยอะ”

                “จริงดิ นายนี่ใจดีจริงๆ ฮ่าๆๆ” แววตาแบบนั้นทำให้เขานึกถึงสุนัขแถวบ้านเวลาเขาเอากระดูกชิ้นโตไปให้มันจริงๆ มาสะลอบขำกับความคิดของตัวเอง

                “อ๊ะ หืม ตานายคล้ำๆนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้นอนเหรอ”ไอโด้ทักขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นตาที่ค่อนข้างคล้ำของมาสะ

                “ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับน่ะ” มาสะตอบยิ้มๆ เขาไม่ได้เล่าเรื่องความฝันให้ใครฟังเลยนอกจากพ่อกับแม่ ถึงแม้ไอโด้จะเป็นเพื่อนสนิทของเขาแต่เขาก็คิดว่ามันน่าอายเกินกว่าที่จะเล่าให้ฟังได้

                “อ๋อ นายตื่นเต้นที่มะรืนนี้จะเป็นวันเกิดนายใช่มั้ย ไม่ต้องห่วงปีนี้ฉันเตรียมของขวัญไว้ให้นายเรียบร้อยแล้ว...”

                พอได้ยินที่ไอโด้พูดทำให้เขานึกขึ้นมาได้ว่าอีก วันก็จะถึงวันเกิดของเค้าแล้ว วันเกิดครบรอบ 17 ปี เขาลืมเรื่องวันเกิดไปสนิทเลย เพราะมัวแต่กังวลเรื่องความฝันที่ถี่ขึ้นทุกวัน จากเมื่อก่อนฝันแค่เดือนละครั้งสองครั้ง มาเป็นสองสามวันครั้งแต่สามสี่วันมานี้เขาไม่ได้แค่ฝันถึงผู้ชายคนนั้นทุกวัน แต่ผู้ชายคนนั้นโผล่มาทุกครั้งที่เขาหลับตาเลยก็ว่าได้!

                “เฮ้ย อิซึกิ นายฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย” ไอโด้เขย่าตัวมาสะเบาๆเป็นการเรียกสติ

                “เอ่อ โทดทีพอดีไม่ค่อยได้นอนน่ะเลยเบลอๆ”มาสะรีบแก้ตัว เขาคิดถึงฝันนั้นอีกแล้ว

                “นายไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวก็ไปนอนห้องพยาบาลก็ได้เดี๋ยวบอกครูให้ หน้านายแดงๆด้วย..” ไอโด้พูดไว้แค่นั้นก่อนจะผละออกไปเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดี โดยปล่อยมาสะให้นั่งนิ่งอยู่กับความร้อนที่ถาโถมเข้าใส่ใบหน้าเขาอย่างไม่หยุด


                “หึหึหึ มาสะของฉัน ช่างน่ารักจริงๆ อีกแค่2วันเราก็จะได้เจอกันแล้วนะ ภรรยาที่น่ารักของฉัน...หึหึหึ”
 ----------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น