ตอนที่ 6: เตรียมงาน
“มาสะ...มาสะ...เช้าแล้วนะ” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังที่ดังราวกับว่าดังมาจากที่ไกลแสนไกล ดังซ้ำไปซ้ำมาราวกลับจะขับกล่อมร่างบางให้เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง เริ่มขยับเล็กน้อยแต่ก็ทำให้ร่างสูงที่รอลุ้นอยู่ผิดหวังนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคนที่ตนพยายามปลุกกลับเขยิบซุกอกเขาแล้วหลับต่อซะอย่างนั้น
“นี่ ท่าไม่ตื่นจะทำโทษจริงๆนะ” ไซน์อมยิ้มนิดๆเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กนั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่นขึ้นมาเลย เขาค่อยๆโน้มหน้าเข้าหาใบหน้าเนียนใสมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆสัมผัสกับริมฝีปากสีกุหลาบนั้นอย่างแผ่วเบา ขบเม้มหยอกล้อเล็กๆน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆเพิ่มระดับความร้อนแรงให้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างบางไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจากนิทรา ความร้อนแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำให้ร่างเล็กเบื้องล่างเริ่มมีอาหารขาดอากาศหายใจ และเริ่มมีสติสัมปชัญญะกลับมา
ดวงตาคู่สวยเพิกโพลงขึ้นทันทีที่รับรู้ว่าตนเองกำลังเผชิญกับสถานการณ์ใดอยู่ อีกแล้วเหรอ!!!! มาสะตะโกนก้องในใจก่อนที่แขนเรียวทั้งสองข้างจะออกแรงดันร่างสูงให้ละออกจากตนเอง ซึ่งไซน์ก็ยอมละออกไปง่ายๆ
“ตื่นแล้วเหรอ ถ้าไม่รีบจะสายเอาได้นะ” ดวงตาเป็นประกาย บวกกับรอยยิ้มขี้เล่นที่ประดับอยู่บนใบหน้าของไซน์เฉกเช่นทุกครั้งที่เขาปลุกมาสะด้วยวิธีนี้
มาสะหลบสายตาที่มองมาที่เขาอย่างเขินอาย ก่อนจะละออกไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ไซน์ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ก็ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว และทำให้หลายๆอย่างเปลี่ยนไป ไม่รู้เพราะอะไรทั้งๆที่มาสะปฏิเสธทุกครั้งที่จะนอนร่วมเตียงกับเขา แต่เขาก็มักเผลอหลับคาอ้อมกอดอุ่นนั้นทุกครั้งไป และทั้งๆที่เขาเป็นคนตื่นเช้า แต่ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เขานอนเพลินทุกวัน แถมยังถูกปลุกด้วยวิธีน่าอายแทบทุกครั้งไป ทั้งที่ถูกเอาเปรียบ แทะโลมขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะโกรธหรือรังเกียจด้วยซ้ำ ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกปลอดภัย และไว้ใจอ้อมกอดแข็งแรงนั้น
มาสะพยายามครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นขณะกำลังอาบน้ำ แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับความรู้สึกแปลกประหลาดที่กำลังค่อยๆก่อตัวขึ้นที่ส่วนลึกของหัวใจตัวเองได้
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จมาสะก็คว้ากระเป๋านักเรียนเตรียมตัวไปโรงเรียนทันที แต่ระหว่างที่กำลังใส่รองเท้าอยู่นั้นก็มีถุงกระดาษใบหนึ่งยื่นมาให้เขา ใช่แล้วอาหารเช้าและกลางวันของเขานั่นเอง นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แปลกไปตั้งแต่ไซน์มาอยู่ด้วยกัน คือเขามีคนคอยเตรียมข้าวเช้าและกลางวันที่ถือว่ารสชาติใช้ได้ให้ในวันธรรมดา และพอตกเย็นรวมทั้งเสาร์อาทิตย์ เขาก็จะเป็นคนทำอาหารแทน และไซน์ก็มักจะทานอาหารฝีมือเขาด้วยท่าทางมีความสุข เขารู้สึกว่าชีวิตประจำวันของพวกเขาสองคน เริ่มเหมือนสามีภรรยาเข้าไปทุกทีแล้ว!!
มาสะสะบัดหัวไล่ความคิดน่าอายให้ออกไปจากหัว และคิดเอาเองว่า ที่อยู่หัวใจก็เต้นแรงนั้นเป็นผลมาจากการที่เขารีบวิ่งไปโรงเรียน....
“แฮ่กๆ...ผมมาทันใช่มั้ยครับ”
“ทันแบบเฉียดฉิวอีกแล้วนะ เอาล่ะรีบไปนั่งที่ได้แล้วครูกำลังจะเริ่มเช็คชื่อพอดี” อาจารย์คุโรคาวะเอ่ยกับลูกศิษย์ของเขาที่พักหลังนี้ เข้าห้องมาแบบเฉียดฉิวก่อนเขาเช็คชื่อได้ทุกวัน อย่างกับว่ากะเวลาเอาไว้อย่างนั้น
มาสะเดินไปนั่งที่เรียบร้อยพร้อมกับหยิบสมุดออกมาเพื่อพัดไล่ความร้อน โดยที่อีกมือหนึ่งก็ช่วยกระพือเสื้อไปพร้อมๆกัน
ในหนึ่งอาทิตย์มานี้ ภาพนี้เรียกได้ว่ากลายเป็นภาพที่ชินตาของบรรดานักเรียนปี2ห้อง3ไปเสียแล้ว และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หลายๆคนเริ่มเข้าพูดคุยกับมาสะมากขึ้น
เมื่อก่อนมาสะมักถูกเพื่อนๆในห้องเข้าใจว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง หรือไม่ก็เป็นพวกไม่สนใจใคร เพราะด้วยนิสัยไม่ค่อยพูดบวกกับบุคลิกนิ่งๆ จึงทำให้เพื่อนๆในห้องส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าเข้ามาคุยกับเขานัก
แต่หนึ่งอาทิตย์มานี่ มาสะเข้าห้องเรียนเกือบสายทุกวัน ทั้งยังหลับในคาบบ่อยๆ อีกทั้งยังเผลอทำตัวเปิ่นๆออกมาในบางที และเหนือสิ่งใดคงเพราะถูกเลือกให้ลงแข่งเป็นเจ้าหญิงในงานประกวดด้วย ทำให้เพื่อนๆหลายคนมีโอกาสได้พูดคุยกับมาสะ และได้รู้ว่ามาสะเองก็เป็นคนที่น่ารักมากคนหนึ่ง..
“ช่วงนี้ นายมาสายบ่อยนะ” ไอโด้ทัก
“ไม่รู้ทำไมช่วงนี้นอนเพลินเรื่อยเลย” มาสะตอบขณะที่ยังคงพัดสมุดในมือต่อไป
“แล้วหมอนั่นเป็นไง”
“ก็ปกติเหมือนเดิมนั่นแหละ” มาสะตอบไปส่งๆ
นี่ก็เป็นอีกคนที่เรียกได้ว่าแปลกไป ไอโด้ถามเรื่องของไซน์กับเขาแบบนี้แทบทุกวัน ถึงเขาจะรู้ว่าเพื่อนของเขาระแคะระคายเรื่องของไซน์ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะบอกอะไรออกไปได้
“เอาล่ะทุกคนฟังกันหน่อย”อาจารย์คุโรคาวะเรียกความสนใจจากนักเรียนในห้องหลังจากที่เช็คชื่อเสร็จแล้ว
“ทุกคนคงรู้แล้วใช่มั้ยว่าวันนี้เราไม่มีเรียนกัน” เรียกเสียงตื่นเต้นจากนักเรียนได้กว่าค่อนห้อง
“อ้าว ไม่รู้หรอกเหรอ วันนี้เราจะเตรียมงานกัน อย่างที่รู้ๆกันพรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบวันสถาปนาโรงเรียน อะไรที่ยังเตรียมไม่เสร็จก็จัดการให้เสร็จด้วยล่ะ”อาจารย์คุโรคาวะว่า ก่อนจะมีเสียงบ่นพึมพำออกมาสองสามเสียงให้ได้ยินกันเช่น
“รู้อย่างนี้ไม่น่ารีบเลย”หรือไม่ก็
“นึกว่าจะต้องโต้รุ่งซะแล้ว”ดังออกมาจากปากของนักเรียนบางคน
อาจารย์คุโรคาวะกล่าวเรื่องรายละเอียดอีกนิดหน่อยก่อนที่นักเรียนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเวทีและสถานที่จัดงานจะขอตัวออกไปทำงานที่เหลือให้เสร็จ
มาสะเกือบลืมไปแล้วว่าพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบสถาปนาโรงเรียน เพราะเขาแทบไม่ได้ช่วยทำอะไรเลย พวกผู้หญิงหลังจากวัดตัวเขาแล้วก็มักจะสั่งให้เขากลับบ้านไป แล้วบอกให้ไปดูแลตัวเองทุกครั้ง ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง พอเขาไปช่วยงานด้านสถานที่กับผู้ชายพวกนั้นก็แทบจะไล่เขากลับอีกเมื่อเขาไปสะดุดของที่ต้องใช้จนล้มเข่าถลอก บอกให้เขากลับบ้านรักษาแผลให้หายก่อนวันประกวด แล้วก็สั่งให้เขาดูแลตัวเองดีๆอีกนั่นแหละ อ้างว่าเดี๋ยววันงานเจ้าหญิงจะไม่สวย?
ขณะที่มาสะกำลังคิดว่าตนเองคงไม่ต้องทำอะไรอีก และทำท่าจะฟุบลงไปกับโต๊ะนั้นเอง
“อิซึกิคุง มาลองชุดกันก่อนนะ แล้วค่อยนอน” เด้กผู้หญิงที่มาสะจำได้ว่าเป็นคนรับผิดชอบเรื่องชุด เดินมาฉุดมาสะให้ลุกออกจากโต๊ะ
“ใช่ๆ ถ้าชุดไม่มีปัญหาอะไรเราจะปล่อยให้เธอนอนทั้งวันเลย” นี่เขากลายเป็นพวกขี้เซาในสายตาเพื่อนๆในห้องไปแล้วอย่างนั้นเหรอ มาสะคิดในใจก่อนยอมเดินตามสาวๆทั้งสองไปตรงมุมหน้าห้องที่ตอนนี้มีการนำม่านมากั้นเป็นพื้นที่เล็กๆไว้สำหรับเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
อาซาโนะที่เป็นตัวแทนผู้หญิงลงประกวดในตำแหน่งเจ้าชายเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยชุดสูทสีขาวสะอาดตา เรียกความสนใจจากคนทั้งห้องได้ในทันที เพราะตอนนี้เธอดูหล่อมาก ด้วยร่างกายที่ผอมเพรียวและส่วนสูงกว่า170 บวกกับใบหน้าที่คมกว่าผู้หญิงทั่วไป ทำให้ตอนนี้เธอดูเหมือนเจ้าชายจริงๆ
“หล่อมากอาซาโนะ แบบนี้ห้องเราอาจจะมีหวัง ต้องรอดูว่าเจ้าหญิงของเราจะสวยสมกับเจ้าชายมั้ย” อาจารย์คุโรคาวะกล่าวก่อนจะมองไปยังมาสะที่ตอนนี้กำลังถูกดันเข้าไปในห้องแต่งตัว
“เอ่อ..ผมต้องใส่ชุดนี้จริงๆเหรอ” น้ำเสียงแสดงความไม่แน่ใจดังลอดออกมาจากห้องแต่งตัวชั่วคราวนั่น
“ใช่ รีบใส่เร็วๆนะพวกเราอยากเห็น อ้อแล้วก็ใส่วิกสีน้ำตาลตรงนั้นออกมาด้วยล่ะ จะได้รู้ว่าเข้ากันมั้ย ถ้าไม่เข้าจะได้เปลี่ยนทัน” หนึ่งในทีมตัดชุดเอ่อยขึ้น
“ถ้าใส่ไม่ได้ยังไงก็บอกนะ จะได้เข้าไปช่วย” ผู้หญิงอีกคนเอ่ย
นร.ปี2ห้อง3กำลังลุ้นกันอย่างเต็มที่ว่า เจ้าหญิงที่พวกเขาเลือกมานั้นจะออกมาเป็นยังไง เพราะเจ้าชายนั้นออกมาเป็นที่พอใจของทุกคนอย่างมาก ถ้าเจ้าหญิงแต่งออกมาดี ห้องของพวกเขาก็มีหวังที่จะได้รางวัลในครั้งนี้
“เอ่อ..ไม่ออกไปได้มั้ยครับ” เสียงมาสะดังลอดออกมาจากห้องแต่งตัว
“ไม่ได้ วันจริงคนเยอะกว่านี้อีก ฉะนั้นไม่ต้องอาย” อาซาโนะว่า ก่อนจะเดินแหวกผ้าเข้าไปข้างใน เธอไม่ยอมอายคนเดียวหรอก ยังไงก็ต้องเอาหมอนี่ไปอายเป็นเพื่อนให้ได้ อาซาโนะคิด ก่อนจะฉุดแขนมาสะออกมา โดยที่เธอไม่ทันได้มองด้วยซ้ำว่า เด็กผู้ชายเงียบๆที่นั่งอยู่หลังห้องประจำตอนนี้ได้กลายเป็นแบบไหนแล้ว...
ห้องเรียนที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเงียบลงทันทีที่มาสะเดินออกมา ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่เจ้าหญิงของพวกเขา อาซาโนะเหลือบไปเห็นว่ามาสะเอาแต่ก้มหน้างุด เธอจึงจัดการจับให้มาสะไปยืนกลางห้องพร้อมๆกับเชยใบหน้าของมาสะขึ้นด้วยความขัดใจ แล้วก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น
เสียงสูดลมหายใจดังขึ้นทั่วห้องทันทีที่พวกเขาได้เห็นหน้าเจ้าหญิงของพวกเขาอย่างชัดเจน ใบหน้าใสที่ตอนนี้แดงระเรื่อด้วยความอาย ถูกล้อมรอบด้วยผมสีน้ำตาลยาวหยิกเป็นลอนที่ถึงแม้จะดูยุ่งเหยิงไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถบดบังความน่ารักของคนตรงหน้าได้เลย
“แบบนี้ห้องเราต้องชนะแน่ๆ” เสียงครางดังเบาๆ จากปากของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ถึงแม้จะเบา แต่ท่ามกลางห้องเรียนที่เงียบสงัดเช่นนี้แล้ว ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน แล้วเริ่มมีเสียงเห็นด้วยออกมาเป็นทอดๆ
แปะ แปะ อาจารย์คุโรคาวะ ปรบมือเรียกความสนใจจากนักเรียนทุกคนก่อนพูดขึ้น
“เป็นเจ้าหญิงที่น่ารักมาก แต่อายคนแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ” เขาเอ่ยชมมาสะก่อนจะหันไปถามเด็กที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้
“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ เดี๋ยวเราก็ส่งหัวข้อไปประมาณเจ้าหญิงขี้อายอะไรแบบนี้ก็ได้ค่ะ” เด็กผู้หญิงคนนั้นตอบก่อนจะเรียกเพื่อนมาช่วยกันคิดชื่อให้ทั้งสองคน
ห้องทั้งห้องกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะทุกคนเต็มไปด้วยความหวังลึกๆว่าพวกเขาต้องชนะแน่ บางคนเริ่มเข้ามาพูดคุยกับทั้งสองคนที่ลงประกวด ซึ่งอาซาโนะก็คุยกับทุกคนอย่างสนุกสนาน ผิดกับมาสะที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่สนใจสิ่งใด
ไม่ว่าใครจะเข้ามาชวนเขาคุย เขาก็เพียงแค่พึมพำเบาๆ แน่นอนว่าเสียงเบาๆนี้ไม่มีทางสู้เสียงพูดคุยอันกึกก้องยิ่งกว่านกกระจอกแตกรังของคนทั้งห้องได้อย่างแน่นอน
หลายคนเริ่มสนใจว่าเจ้าหญิงของเขาพยายามพูดอะไร แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินคำพูดของมาสะเลย
“ผมถอดชุดนี้ออกได้รึยัง.....”
ตอนต่อไป>>> ตอนที่7: วันงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น